อาการปวดบริเวณ ข้อศอก ข้อมือ ข้อเท้า ที่พบบ่อย สามารถแบ่งได้ดังนี้
ปวดข้อศอก เอ็นข้อศอกอักเสบ
อาการปวดข้อมือสามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ ได้แก่
1. Tennis Elbow หรืออาการปวดข้อศอกด้านนอก
เป็นอาการที่พบได้บ่อยใน ผู้เล่นกีฬาเทนนิส หรือผู้ที่ต้องอยู่ในท่าเหยียดแขน หรือท่ากระดกข้อมือซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เอ็นข้อศอกด้านนอกอักเสบ รวมถึง กล้ามเนื้อข้อศอกด้านนอก และกล้ามเนื้อแขนอักเสบ ในบางรายอาจมีอาการปวดข้อมือร่วมด้วย
โดยระยะแรก ผู้ป่วยอาจจะเกิดอาการปวดข้อศอกเล็กน้อย และอาจปวดเฉพาะเวลาขยับข้อมือหรือขยับแขน หากไม่รักษาและปล่อยให้เรื้อรัง ผู้ป่วยจะเริ่มปวดมากขึ้นจนถึงขั้นปวดตลอดเวลา และอาจส่งผลให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันลำบาก เช่น การหยิบจับสิ่งของ การยกของ การงอแขน หรือแม้แต่การยกแก้วดื่มน้ำ เป็นต้น
2. Golfer’s elbow หรือปวดข้อศอกด้านใน
อาการนี้จะเป็นการปวดข้อศอกด้านใน โดยจะพบบ่อยในผู้ที่ตีกอล์ฟเป็นประจำ เนื่องจากอาการนี้จะสัมพันธ์กับกล้ามเนื้อและเอ็นที่ใช้ในการเหวี่ยงแขนตีกอล์ฟ หรือสามารถพบได้ในผู้ที่ต้องใช้งานข้อศอกบ่อยๆ ได้เช่นกัน
สาเหตุของอาการปวดศอกด้านในนี้ เกิดจาดการอักเสบของเอ็นกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณปุ่มข้อศอกด้านในที่เรียกว่า Medial Epicondyle ผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อศอกในบริเวณนี้ และอาการจะปวดมากเมื่อมีการเหยียดแขนและกระดกข้อมือขึ้น และในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง อาจจะมีอาการปวดตลอดเวลา รวมถึงอาจจะมีอาการปวดร้าวลงแขน และข้อมือด้วย
ปวดข้อมือ
อาการปวดข้อมือที่พบบ่อยๆ มีดังนี้
1. ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ (De quervain’s disease)
โรคปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ สามารถพบได้บ่อยในกลุ่มคนที่ใช้งานข้อมือในลักษณะซ้ำๆ โดยเฉพาะในท่าที่ต้องกางนิ้วหัวแม่มือออก เช่น ซักผ้า บิดผ้า ขัดถูก เป็นต้น นอกจากนี้อาการนี้ยังพบได้บ่อยในคุณแม่หลังคลอดที่ต้องใช้ข้อมือมากๆ ในการอุ้มลูก หรือ ยกตัวเด็ก
อิริยาบทในท่าดังกล่าวส่งผลให้เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้มเอ็นและเส้นเอ็น (บริเวณข้อมือด้านหลังทางฝั่งนิ้วโป้ง) จนเอ็นหุ้มข้อมือเกิดการหนาตัวขึ้น ทำให้มีการบีบรัดหรือหดตัวของเส้นเอ็น และเกิดเป็นอาการปวดขึ้น
ผู้ป่วยที่เป็นปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบจะมีอาการปวดบริเวณข้อมือมากโดยเฉพาะด้านนิ้วหัวแม่มือ เมื่อกางนิ้วหัวแม่มือออกเต็มที่ จะมีอาการคล้ายมีดบาด ร้าวไปตามทิศทางของเอ็นที่มีการอักเสบ หากมีอาการรุนแรงมาก จะเกิดการบวมบริเวณปลอกหุ้มเอ็นใกล้ๆ กับข้อมือ และทำให้การหยิบสิ่งของเป็นไปด้วยความยากลำบาก
2. Mobile Syndrome หรือ Smartphone Syndrome
เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ โดยอาการทั่วไปจะใกล้เคียงกับ Office Syndrome คือมีอาการปวดบริเวณคอ บ่า ไหล่ แต่ในส่วนของ Mobile Syndrome มักมีการปวดเกร็งบริเวณฝ่ามือ ข้อมือ นิ้วมือ และแขนร่วมด้วย
เนื่องจากการอยู่ในท่าที่ใช้มือถือนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งตัวจนมีพังผืดไปเกาะยึดรั้ง ในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก อาจมีอาการบวมร่วมด้วย โดยอิริยาบถที่ผู้ป่วยจะรู้สึกเกร็งและปวดอย่างชัดเจน คือเมื่ออยู่ในท่านิ้วมือทั้งสี่กำนิ้วโป้งไว้ เหยียดแขนตรงไปด้านหน้า แล้วกดกำมือลง
3. โรคเส้นประสาทมีเดียนกดทับที่ข้อมือ (Carpal tunnel syndrome)
Carpal Tunnel Syndrome เกิดจากเส้นประสาทมีเดียนถูกบีบอัดหรือกดทับบริเวณข้อมือ ซึ่งอาจมีปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุบริเวณข้อมือ ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อบริเวณข้อมือ กระดูกข้อมือหักหรือเคลื่อน การใช้งานมือและข้อมือที่ไม่เหมาะสมติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น แม่บ้าน แม่ครัว เป็นต้น
เมื่อเกิดการกดทับของเส้นประทำให้เส้นประสาทกลางฝ่ามือขาดเลือดมาเลี้ยงและทำงานผิดปกติไปจากเดิม จึงทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บ ชา และเป็นเหน็บบริเวณมือ และแขน อาจมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณฝ่ามือกับนิ้วมือได้ โดยเฉพาะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ อาจรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางเป็นบางครั้ง โดยไม่มีอาการดังกล่าวที่นิ้วก้อย ทำให้ไม่สามารถใช้มือได้ตามปกติในชีวิตประจำวัน เช่น ติดกระดุมไม่ได้ หรือทำสิ่งของหลุดมือ เป็นต้น
ปวดข้อเท้า หรือเอ็นข้อเท้าอักเสบ
อาการปวดข้อเท้า ไม่ว่าจะเป็น ข้อเท้าพลิก ข้อเท้าแพลง หรือ เอ็นข้อเท้าอักเสบนั้น เป็นการบาดเจ็บที่สามารถเกิดจากการเล่นกีฬา การเดินสะดุด หรือแม้แต่การใส่รองเท้าส้นสูง โดยเมื่อเกิดอาการข้อเท้าพลิก หรือ ข้อเท้าแพลงขึ้น เอ็นและเนื้อเยื่อรอบข้อเท้าจะเกิดการฉีกขาด โดยอาจจะฉีกขาดเพียงเล็กน้อยหรือฉีกขาดรุนแรง ส่งผลให้เกิดการอักเสบในบริเวณนั้นๆ
และหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี พังผืดจะเริ่มไปยึดเกาะบริเวณที่ฉีกขาด และลุกลามไปตามเนื้อเยื่อรอบข้าง จนกล้ามเนื้อและเอ็นข้อเท้าอ่อนแอลงและไม่แข็งแรงดังเดิม ส่งผลให้ข้อเท้าเกิดความไม่มั่นคง พลิกบ่อยมากขึ้น หากพังผืดลุกลามจนไปเบียดเส้นประสาทให้ทำงานผิดปกติ ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเท้าบวมบ่อยๆ หรือมีอาการแสบร้อนที่เท้า หรือชาเท้า โดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น
เอ็นร้อยหวายอักเสบ (Achilles Tendinitis)
เอ็นร้อยหวายอักเสบเกิดจากการทำกิจกรรมซ้ำๆ หรือใช้งานเอ็นร้อยหวายมากเกินไปจนทำให้เกิดความ ตึง เครียด ต่อเส้นเอ็น และเกิดการบาดเจ็บในที่สุด โดยส่วนใหญ่มักพบในการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา เช่น การวิ่งที่มากเกินไป หรือ ขาดการยืดกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสมก่อนการออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้กล้ามเนื้อน่องมาก เช่น บาสเกตบอล กระโดดสูง เป็นต้น
เมื่อเอ็นร้อยหวายเกิดการบาดเจ็บ จะส่งผลให้มีการอักเสบ บวมแดง บริเวณเอ็นร้อยหวาย ส้นเท้า หรืออาจเจ็บลามไปถึงกล้ามเนื้อน่อง โดยอาการปวดจะเป็นมากขึ้นขณะทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการเดิน หรือการเล่นกีฬา ในผู้ป่วยที่มีอาการมากๆ จะไม่สามารถลงน้ำหนักข้างที่มีปัญหาได้เต็มที่
รองช้ำ หรือเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar Fasciitis)
คือ ภาวะที่มีการอักเสบของเอ็นใต้ฝ่าเท้า ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่บริเวณส้นเท้าต่อเนื่องไปจนถึงเอ็นร้อยหวาย โดยสาเหตุที่พบบ่อยจะเกิดจาก
- การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม เช่น การใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ นานๆ หรือใส่รองเท้าที่ไม่มีการ support ที่ดี
- การยืนหรือเดินนานเกินไป ทำให้เกิดแรงกดลงมายังฝ่าเท้า ส่งผลให้เอ็นมีความตึงตัวมากจนเกิดการบาดเจ็บและอักเสบในที่สุด
- เป็นภาวะที่ต่อเนื่องมาจากเส้นประสาทบริเวณหลังทำงานผิดปกติ เช่น มีหมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ไปทับ หรือเกิดจากกล้ามเนื้อหลังหดเกร็งจนไปเบียดเส้นประสาท
โดยผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดบริเวณส้นเท้า และจะเป็นมากในตอนเช้า เมื่อก้าวลงจากที่นอน ซึ่งอาการปวดอาจจะค่อยๆ เบาลงเมื่อเดินไปได้ 2-3 ก้าว หรือ อาจจะปวดแบบเป็นๆ หายๆ สลับกันไป แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก จะปวดตลอดเวลา และอาการปวดอาจลุกลามไปที่เอ็นร้อยหวาย และกล้ามเนื้อน่องได้
ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้
การรักษาของเราจะเน้นการแก้ปัญหาอย่างครอบคลุมในทุกเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกัน โดยจะเน้นการสลายพังผืดและจุด trigger point ในชั้นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ และเส้นประสาท โดยเมื่อพังผืดและจุด trigger point ถูกสลายออกจนหมด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ เส้นประสาท ก็จะกลับไปมีสุขภาพดีดังเดิม อาการปวด ชา ตึง แสบร้อน อ่อนแรง ก็จะหมดไป และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีก เพราะสาเหตุหลักของปัญหาได้ถูกกำจัดออกไป
โดยการรักษาจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
1. การคลายกล้ามเนื้อชั้นบน-ชั้นลึก
ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก คลายตัวจากอาการตึงเครียดและอาการหดเกร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ อาการตึง เมื่อย หรืออาการปวดลึกๆ ในมัดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ การนวดในขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาอาการตึงรั้งของกล้ามเนื้อ เช่น อาการปวดน่องใกล้เอ็นร้อยหวาย อาการปวดแขนร้าวจากข้อศอกลงมา เป็นต้น
2. การสลายพังผืด และจุด Trigger point
ในขั้นตอนนี้จะเน้นการสลายพังผืดและจุด trigger point ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ที่ขัดขวางไม่ให้เลือดนำพาสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงได้สะดวก ทำให้เกิดอาการอักเสบ อาการชา อาการแสบร้อน ในบริเวณต่างๆ เช่น เอ็นข้อศอก เอ็นฝ่ามือ ปลอกหุ้มเอ็นข้อมือ เอ็นร้อยหวาย ส้นเท้า เป็นต้น ทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อที่อ่อนแอจากพังผืดกลับมายืดหยุ่นได้ดี และแข็งแรงอีกครั้ง
นอกจากนี้ จะมีการสลายพังผืดที่เกาะอยู่ตามข้อต่อต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการข้อเสื่อมสภาพ และเกิดอาการปวด บวม อักเสบ ในบริเวณต่างๆ เช่น ข้อศอก ข้อเท้า ตาตุ่ม ข้อนิ้วมือ เป็นต้น
การ นวดแก้อาการ ด้วยการสลายพังผืดและสลายจุด trigger point นี้ จะเป็นการกำจัดปัญหาจากต้นเหตุอย่างแท้จริง เพราะเมื่อพังผืดถูกสลายออกจนหมดแล้ว กล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ จะกลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม ไม่หดเกร็ง ไม่ยึดรั้ง
เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณที่มีปัญหาคลายตัวกลับสู่สภาพปกติ เส้นประสาทจะกลับไปทำงานได้ปกติ และเลือดสามารถนำสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้เต็มที่อีกครั้ง อาการปวด อาการอักเสบ รวมถึงอาการผิดปกติต่างๆ จะหายไป และไม่กลับมาอีก เพราะต้นเหตุถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร