ปวดข้อศอก ถ้ารักษาตรงจุด สามารถหายได้ง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด

ปวดข้อศอก

อาการปวดข้อศอก เป็นอาการที่พบได้บ่อยจากการใช้ข้อศอกอย่างหนัก หรือใช้ผิดจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน จากการเล่นกีฬา หรือจากอุบัติเหตุ อาการปวดข้อศอกนั้น สามารถรักษาให้หายได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ถ้ารักษาได้ตรงจุด ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงสาเหตุ และอาการ รวมถึงวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยให้อาการปวดข้อศอกดีขึ้นได้อย่างถาวร

สาเหตุของอาการปวดข้อศอก

อาการปวดข้อศอก เกิดจากกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณข้อศอกเกิดการบาดเจ็บ ส่งผลให้ร่างกายสร้างพังผืดเข้าไปยึดเกาะ และทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวม แดงบริเวณข้อศอก รวมถึงเกิดการยึดล็อก ติดขัดขณะเคลื่อนไหวข้อศอกจากพังผืด โดยสาเหตุของการบาดเจ็บบริเวณข้อศอกที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • การยกของหนัก เช่น การยกของหนักจากการทำงาน หรือการออกกำลังกายด้วยการยกเวทเป็นต้น เนื่องจากขณะยกของบริเวณแขน ข้อศอก มักต้องรองรับน้ำหนักจากสิ่งของ โดยเฉพาะในท่าที่ต้องยกการยกของ ทำให้กล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างหนัก ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดอาการล้า หากยังใช้งานมัดกล้ามเนื้อต่อไป ก็จะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ จึงทำให้มีอาการปวดเกิดขึ้น
  • การยกของผิดจังหวะ หรือการออกแรงผิดจังหวะ ส่งผลให้กล้ามเนื้อกล้ามเนื้อเกิดการบาดเจ็บ ทำให้เกิดอาการปวดข้อศอกขึ้น
  • การใช้งานบริเวณข้อศอกมากเกินไป โดยเฉพาะในลักษณะที่ต้องงอหรือเหยียดแขน หรือขยับข้อศอกอยู่เสมอ เช่น ทำงานกับเครื่องจักร การทำงานของช่างในลักษณะต่างๆ เช่น ทาสี ตอกตะปู ขุดเจาะต่างๆ เป็นต้น
  • การเล่นกีฬา เช่น เทนนิส หรือ กอล์ฟ ซึ่งมักเกิดการบาดเจ็บบริเวณข้อศอก เนื่องจากขณะตีกอล์ฟหรือเทนนิสนั้น จะมีการเหวี่ยงข้อศอกอยู่เสมอ ทำให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณข้อศอกได้ง่าย ส่งผลให้มีอาการปวดตามมา ซึ่งการบาดเจ็บจากการเล่นเทนนิส หรือ Tennis elbow นั้น จะเป็นการบาดเจ็บของข้อศอกด้านนอก ส่วนการบาดเจ็บของข้อศอกจากการตีกอล์ฟนั้น หรือ Golfer’s elbow นั้น จะเป็นการบาดเจ็บของข้อศอกด้านใน
  • อุบัติเหตุ หรือการกระแทก เช่น การหกล้มข้อศอกกระแทก หรือมีการชนกระแทกบริเวณข้อศอก ซึ่งล้วนทำให้ข้อศอกบาดเจ็บโดยตรง
  • เป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากอาการปวดเมื่อยบริเวณคอ บ่า ไหล่ สะบัก หรือ ข้อมือ ที่เรื้อรัง และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จนการอักเสบได้ลุกลามมาบริเวณข้อศอก ผู้ป่วยจึงมีอาการปวดข้อศอก ร่วมกับอาการปวด คอบ่าไหล่ หรือ ปวดข้อมือร่วมด้วย
กลับสู่สารบัญ

อาการปวดข้อศอกที่พบบ่อย

1. ปวดข้อศอกทั่วไป หรือเอ็นข้อศอกอักเสบ เป็นอาการปวดข้อศอกที่พบในระยะแรกๆ ของการปวดข้อศอก มักพบในผู้ที่ใช้งานข้อศอกมากเกินไป โดยมักปวดรอบๆ ข้อศอก อาจมีการอักเสบบวม แดง บริเวณข้อศอกร่วมด้วย

2. ปวดข้อศอกด้านนอก หรือ Tennis elbow มักพบในผู้ที่เล่นกีฬาเทนนิส เนื่องจากขณะตีลูก จะมีการงอ-เหยียดข้อศอก รวมถึงเกิดแรงเหวี่ยงตี ทำให้ข้อศอกเกิดการบาดเจ็บได้ ซึ่งตำแหน่งที่มีอาการปวดจะเกิดขึ้นกับข้อศอกด้านนอก ผู้ป่วยมักมีอาการ ปวดข้อศอกด้านนอกบริเวณปุ่มกระดูก โดยจะปวดมากขึ้นขณะตีลูกเทนนิสในท่าแบกแฮนด์ ขณะการบิดหมุนข้อศอกออกด้านนอก ขณะงอเหยียดข้อศอก รวมถึงขณะกระดกข้อมือขึ้นลง เป็นต้น

3. ปวดข้อศอกด้านใน หรือ Golfer’s elbow มักพบในผู้ที่เล่นกีฬากอล์ฟ ที่มีการสวิงกอล์ฟแรงๆ หรือซ้ำๆ ทำให้ข้อศอกเกิดการบาดเจ็บ โดยตำแหน่งที่มีอาการปวดมักเป็นบริเวณข้อศอกด้านใน โดยจะปวดมากขึ้นขณะยืดแขนกระดกข้อมือ

4. ปวดข้อศอก และมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ร่วมด้วย โดยปกติแล้ว กล้ามเนื้อ และเส้นประสาทบริเวณคอ บ่า ไหล่ แขน และข้อศอก นั้นจะมีความเกี่ยวเนื่องกันขณะใช้งาน ดังนั้นเมื่อบริเวณใดบริเวณหนึ่งเกิดความตึงเครียด บาดเจ็บ และถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาการจะเริ่มลุกลามไปตามแนวกล้ามเนื้อและเส้นประสาทที่มีความเชื่อมโยงกัน โดยผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดข้อศอกเรื้อรัง และอาการได้ลุกลามขึ้นไปบริเวณ คอบ่าไหล่ แขน หรือผู้ป่วยอาจมีอาการปวดคอบ่าไหล่มาก่อน แล้วค่อยลุกลามไปยังบริเวณแขนและข้อศอกก็ได้เช่นกัน

5. ปวดข้อศอก และมีอาการปวดข้อมือร่วมด้วย มักพบในผู้ที่ต้องใช้งานข้อมือบ่อยๆ เช่น การสับของแข็งๆ หนักๆ การกระดก หรือสะบัดข้อมือเป็นเวลานานๆ ทำให้ข้อมือและข้อศอกถูกใช้งานอย่างหนัก และเกิดการอักเสบร่วมกัน หรืออาจเกิดในผู้ที่มีอาการปวดข้อศอกเรื้อรังมาก่อน และไม่ได้รักษาอย่างตรงจุด จนทำให้อาการลุกลามมาบริเวณข้อมือ หรืออีกกรณีหนึ่งคือ ผู้ป่วยมีอาการปวดข้อมือเรื้อรังมาก่อน และอาการได้ลุกลามมาถึงบริเวณข้อศอกก็ได้เช่นกัน เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณข้อศอก และข้อมือมีความเกี่ยวเนื่องกัน จึงทำให้อาการสามารถลุกลามหากันได้

กลับสู่สารบัญ

วิธีการรักษาในปัจจุบัน

  • การทานยา เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้นได้ โดยตัวยาจะเข้าไประงับอาการปวด โดยหากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย การทานยาจะให้ผลค่อนข้างดี โดยยาที่นิยมรับประทาน จะเป็นยาลดอาการอักเสบในกลุ่ม NSAID หรือ ยาคลายกล้ามเนื้อ เป็นต้น
  • การทำ Shock wave เป็นวิธีการรักษาส่วนหนึ่งของการกายภาพบำบัด ด้วยการใช้เครื่อง Shock wave ซึ่งเป็นพลังงานคลื่นกระแทก โดยหลักการคือการคลื่นกระแทกจะถูกส่งเข้าไปบริเวณที่บาดเจ็บ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บขึ้นอีกครั้ง จึงช่วยรักษาให้อาการดีขึ้นได้
  • การทำ Ultrasoundป็นหนึ่งในวิธีการรักษาของกายภาพบำบัด ด้วยการใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ ซึ่งเป็นคลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ จึงช่วยให้อาการปวดลดลงได้
  • การฉีดยา เป็นการฉีดยาจำพวกสเตียรอยด์เข้าไปบริเวณข้อศอกโดยตรง เพื่อระงับอาการปวดและการอักเสบที่เกิดขึ้น หากอาการปวดข้อศอกไม่ได้รุนแรงมาก อาการปวดก็จะทุเลาลง และหายได้เอง
  • การผ่าตัด เป็นวิธีที่ใช้สำหรับผู้ที่มีอาการเรื้อรังมานาน และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แพทย์มักพิจารณาผ่าตัดเป็นทางเลือกท้ายๆ โดยการผ่าตัดคือการผ่าเพื่อกำจัดพังผืดที่ยึดเกาะภายในข้อศอก จึงแก้อาการปวดข้อศอก ที่เป็นเรื้อรังมานานได้โดยตรง

ทำไมรักษาอาการปวดข้อศอกมานานแล้วแต่ยังไม่หายสักที?

ผู้ป่วยบางท่านอาจเคยประสบปัญหาการปวดข้อศอกเล็กน้อย แต่ไม่ได้รับการรักษาที่ตรงจุดจนหาย จึงทำให้กลายเป็นอาการปวดที่เรื้อรัง หรือรุนแรงขึ้น หรืออาจปวดลุกลามไปบริเวณข้างเคียง กลายเป็นปัญหาที่รักษายาก ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต

ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากต้นเหตุที่แท้จริงของอาการปวดข้อศอกนี้ เกิดจากพังผืดที่ยึดเกาะอยู่บริเวณกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นของข้อศอก ที่มีอาการบาดเจ็บส่งผลให้เลือดไม่สามารถนำพาออกซิเจน และสารอาหารไปหล่อเลี้ยงได้อย่างสะดวก และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาให้ถูกวิธี พังผืดจะเกาะหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดหนึ่ง กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณนั้นๆ จะเกิดการเกร็งแข็ง ขาดความยืดหยุ่น เคลื่อนไหวได้น้อยลง เกิดการยึดล็อค และทำให้เกิดอาการปวดและอักเสบขณะเคลื่อนไหว

และหากพังผืดนี้เกาะลุกลามไปบริเวณข้างเคียง ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดบริเวณอื่นๆ ร่วมด้วย เมื่อพังผืดมีจำนวนมากถึงจุดหนึ่ง ผู้ป่วยจะไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบเดิมๆ เนื่องจากอาการอักเสบจากพังผืดบริเวณนั้นๆ มีมากจนการรักษาแบบทั่วๆ ไป ไม่สามารถคลายลงได้ ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้แพทย์มักจะแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด เพื่อนำพังผืดเหล่านี้ออก

กลับสู่สารบัญ

วิธีการรักษาอาการปวดข้อศอกที่มีประสิทธิภาพและให้ผลถาวร

สำหรับวิธีการรักษาอาการปวดข้อศอกที่ตรงจุด มีประสิทธิภาพ และให้ผลการรักษาที่ถาวรนั้น จำเป็นจะต้องเน้นไปที่การสลายพังผืดเป็นหลัก เนื่องจากพังผืดนั้นเป็นต้นเหตุของอาการปวดที่เกิดขึ้น กล่าวคือเมื่อพังผืดถูกกำจัดออกไป กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณที่มีปัญหา จะคลายตัวจากอาการแข็งเกร็ง และกลับมามีความยืดหยุ่น เลือดจะสามารถนำออกซิเจน และสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ ได้ตามปกติ

อาการปวดก็จะหายไปอย่างถาวร และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต โดยวิธีการรักษาด้วยการสลายพังผืด สามารถแบ่งได้ 2 วิธี คือ การผ่าตัดเพื่อเลาะเอาพังผืดออก และการนวดสลายพังผืด ซึ่งจะเป็นการนวดคลึงสลายพังผืด ที่ยึดเกาะอยู่ตามแนวกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น รวมถึงตามซอกกระดูกต่างๆ ที่การผ่าตัดไม่สามารถทำได้

การนวดสลายพังผืดนั้น เป็นศาสตร์การนวดรักษาโดยเฉพาะ ซึ่งจะแตกต่างกับการนวดทั่วไป นวดแผนไทย หรือการนวดผ่อนคลายโดยสิ้นเชิง การนวดสลายพังผืดจะเป็นการนวดที่เน้นสลายพังผืด ที่เป็นต้นเหตุหลักของอาการผิดปกติต่างๆ ได้แก่อาการปวด ชา แสบร้อน อ่อนแรง เป็นต้น โดยพังผืดนี้มักจะเกาะแทรกตามตำแหน่ง ที่เกิดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อภายในร่างกาย ทั้งในกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อและเส้นประสาท ซึ่งพังผืดนี้มักจะไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยการ x-ray หรือ MRI แต่จะสามารถตรวจพบได้ โดยวิธีคลำหาตามมัดกล้ามเนื้อ โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น

กลับสู่สารบัญ

การนวดแก้อาการสลายพังผืด สามารถรักษาอาการปวดข้อศอกให้หายได้อย่างไร

จากที่ได้อธิบายข้างต้นแล้วว่า เมื่อข้อศอกเกิดการบาดเจ็บขึ้น ร่างกายจะสร้างพังผืดมายึดเกาะบริเวณที่บาดเจ็บ โดยพังผืดนี้จะเกาะแทรกตามมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ และเส้นประสาท บริเวณข้อศอกที่เกิดการบาดเจ็บ ผลที่ตามมาก็คือ พังผืดจะไปขัดขวางไม่ให้เลือดสามารถนำพาออกซิเจน และสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อ บริเวณที่บาดเจ็บได้ตามปกติ และยังทำให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณข้อศอก เกิดอาการแข็งเกร็ง ไม่ยืดหยุ่น ขยับได้น้อยลง ส่งผลใหเกิดอาการปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ หากพังผืดยึดเกาะไปรบกวนเส้นประสาทบริเวณข้อศอก เส้นประสาททำงานผิดเพี้ยนไป ทำให้เกิดอาการชา แสบร้อน เข็มแทง ยิบๆซ่าๆ ได้ การนวดสลายพังผืด จะเน้นกำจัดพังผืดที่เป็นต้นเหตุของอาการปวด และอาการผิดปกติต่างๆ บริเวณข้อศอกให้หมดไป เมื่อพังผืดถูกสลายออกจนหมด อาการปวดและอาการผิดปกติต่างๆ บริเวณข้อศอก จะหายไปอย่างถาวร และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีกในอนาคต

โดยตำแหน่งของการนวดสลายพังผืดจะแตกต่างกันออกไปตามอาการปวด ดังนี้

1. ปวดข้อศอก หรือ เอ็นข้อศอกอักเสบทั่วไป

โดยบริเวณที่มักเกิดการบาดเจ็บส่วนหนึ่งดังนี้

  • ปุ่มกระดูก Lateral epicondyle อยู่บริเวณข้อศอกด้านนอก
  • ปุ่มกระดูก Medial epicondyle อยู่บริเวณข้อศอกด้านใน

2. ปวดข้อศอกด้านนอก หรือ Tennis elbow

โดยบริเวณที่มักเกิดการบาดเจ็บส่วนหนึ่งดังนี้

  • ปุ่มกระดูก Lateral epicondyle อยู่บริเวณข้อศอกด้านนอกที่มักเกิดการบาดเจ็บจากการตีเทนนิส
  • กลุ่มกล้ามเนื้อ Extensor ที่ใช้ขณะเหยียดแขน Extensor carpi radialis longus , Extensor carpi radialis brevis , Extensor digitorum conmunis , Extensor carpi ulnaris

3. ปวดข้อศอกด้านใน หรือ Golfer’s elbow

โดยบริเวณที่มักเกิดการบาดเจ็บส่วนหนึ่งดังนี้

  • ปุ่มกระดูก Medial epicondyle อยู่บริเวณข้อศอกด้านในที่มักเกิดการบาดเจ็บจากการตีกอล์ฟ
  • กลุ่มกล้ามเนื้อ Flexor ที่ใช้ขณะงอแขน Flexor carpi radialis , Flexor carpi ulnaris , Pronator teres

4. ปวดข้อศอก และมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ร่วมด้วย

โดยบริเวณที่มักเกิดการบาดเจ็บส่วนหนึ่งดังนี้

  • กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า แขน ที่สำคัญ Levator scapulae , Supraspinatus , Biceps brachii , Triceps brachii
  • กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณข้อศอกด้านนอก
  • ปุ่มกระดูก Lateral epicondyle
  • กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณข้อศอกด้านใน
  • ปุ่มกระดูก Medial epicondyle

5. ปวดข้อศอก และมีอาการปวดข้อมือร่วมด้วย

โดยบริเวณที่มักเกิดการบาดเจ็บส่วนหนึ่งดังนี้

  • กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณข้อศอกด้านนอก ปุ่มกระดูก Lateral epicondyle , Extensor carpi radialis longus , Extensor carpi radialis brevis , Extensor digitorum conmunis , Extensor carpi ulnaris
  • กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณข้อศอกด้านใน ปุ่มกระดูก Medial epicondyle , Flexor carpi radialis , Flexor carpi ulnaris , Pronator teres
  • กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณข้อมือ
  • เส้นเอ็น Extensor pollicis brevis
กลับสู่สารบัญ

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจรักษาอาการปวดข้อศอกด้วยการนวดสลายพังผืด

ก่อนจะตัดสินใจรักษาอาการปวดข้อศอกด้วยวิธีการนวดสลายพังผืดนั้น ผู้ป่วยควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้ประกอบ

1. การนวดแก้อาการด้วยวิธีนี้ ถึงแม้ว่าจะสามารถทำให้ผู้ป่วยหายอย่างถาวรได้ก็จริง แต่อาจไม่ได้หายภายในครั้งเดียว

ในกรณีที่ผู้ป่วยเพิ่งเริ่มมีอาการปวดข้อศอก การนวดสลายพังผืดด้วยผู้ที่ชำนาญ อาจจะสามารถทำให้ดีขึ้นได้เลยภายในครั้งเดียว แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังมาสักระยะหนึ่งแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้อาการหายช้าหรือเร็วนั้นจะขึ้นอยู่กับ

  • ความเชี่ยวชาญของผู้นวดแก้อาการ

ผู้รักษาที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษา เมื่อตรวจอาการแล้วจะรู้ทันทีว่าต้นเหตุของอาการอยู่ที่ใด และต้องแก้ที่ตำแหน่งใด ซึ่งจะแตกต่างผู้รักษาที่ไม่มีความชำนาญโดยสิ้นเชิง เพราะผู้ที่ไม่มีความรู้ ความชำนาญ จะไม่สามารถแยกได้ว่ากล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาท ที่มีความผิดปกตินั้นเป็นอย่างไร แล้วเชื่อมโยงไปที่จุดใดบ้าง

โดยในกรณีของการปวดข้อศอก ผู้ป่วยบางท่านไม่ได้ปวดเฉพาะศอกอย่างเดียว แต่อาจปวดแขน ปวดขึ้นคอ บ่า หรือมีอาการชาร่วมด้วย ดังนั้นการรักษาโดยผู้ที่ชำนาญการ จะสามารถรักษาได้ครอบคลุม ครบถ้วน ให้ผลการรักษาที่รวดเร็ว แม่นยำ และตรงจุดกว่าการรักษาโดยผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ

  • ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการสะสมมา

ในกรณีที่มีอาการปวดข้อศอกเรื้อรัง หรือ มีอาการเป็นๆ หายๆ มานานในเคสลักษณะนี้ จะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการ เนื่องจากในผู้ป่วยที่มีอาการมานานนั้น พังผืดจะหนาตัว และจะแทรกลุกลามไปในชั้นกล้ามเนื้อชั้นลึกๆ หรือลามไปบริเวณใกล้เคียงจนรบกวนเส้นประสาทค่อนข้างชัดเจน เกิดเป็นอาการชา แสบร้อน ไฟช็อต เกิดขึ้นได้

ดังนั้นจึงต้องรักษาหลายครั้งกว่าจะสลายพังผืดออกได้จนหมด ในขณะที่ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มมีอาการไม่นานนั้น จะมีพังผืดเพียงเล็กน้อย และจะมีอยู่เพียงกล้ามเนื้อชั้นบนๆ ไม่ได้ฝังลงลึก และไม่ได้ลุกลามไปบริเวณอื่นๆ ดังนั้น จึงใช้เวลารักษาน้อยกว่า ได้ผลที่ชัดเจนกว่า และหายไวกว่า

  • สภาพกล้ามเนื้อของผู้ป่วย

ผู้ป่วยแต่ละท่านมีสภาพกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของความสามารถในการคลายตัว หรือลักษณะของพังผืด ในผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อที่คลายตัวได้เร็ว หรือพังผืดที่ไม่เหนียวมาก สามารถสลายออกได้ง่าย จะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและไวกว่าผู้ที่กล้ามเนื้อฟื้นตัวช้า หรือมีพังผืดที่ค่อนข้างเหนียวแข็ง

2. การนวดสลายพังผืดมีความเจ็บ

เนื่องจากการนวดสลายพังผืด จะเน้นไปที่การรักษาอาการของผู้ป่วยให้หาย ไม่ได้เน้นเรื่องความผ่อนคลาย ดังนั้น ขณะทำการรักษา ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งจะเจ็บมาก-น้อย ขึ้นอยู่กับวิธีการหรือเทคนิคของการนวดแก้อาการในแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่ต้องการรักษาด้วยวิธีการนวดสลายพังผืดนี้ จะต้องเป็นผู้ป่วยที่พอทนความเจ็บได้บ้าง หากเป็นผู้ที่ทนความเจ็บไม่ได้เลย อาจจะต้องเลือกการรักษาทางอื่นแทน

3. อาจเกิดการระบมหรือรอยฟกช้ำขึ้นหลังจากการนวด

การนวดแก้อาการสลายพังผืดนั้น อาจะทำให้เกิดความระบม หรือมีรอยฟกช้ำขึ้นหลังจากการรักษา โดยส่วนใหญ่แล้วอาการระบมและรอยฟกช้ำ จะเกินระยะเวลาประมาณ 3-10 วัน โดยจะระบมมากน้อย หรือฟกช้ำมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการนวดรักษาของสถานที่นวดแก้อาการแต่ละแห่ง

4. ค่าใช้จ่ายในการนวดสลายพังผืดจะสูงกว่าการนวดทั่วไป

โดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการนวดแก้อาการสลายพังผืด จะสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการนวดทั่วไป เนื่องจากผู้ที่จะทำการนวดแก้อาการได้นั้น ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่นวดแผนไทยเป็น แต่จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ ด้านการสลายพังผืดในกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อ มากกว่าหมอนวดแผนไทยอย่างมาก ซึ่งผู้ที่มีประสบการณ์ และมีความชำนาญในด้านนี้จริงๆ มีจำนวนค่อนข้างน้อย

ค่าใช้จ่ายในการนวดแก้อาการที่พบในปัจจุบันนั้น มีตั้งแต่ 500.- จนไปถึงหลักหมื่นบาท (xx,xxx) ต่อครั้ง ทั้งนี้ ผู้ป่วยควรพิจารณาเปรียบเทียบข้อมูล และปัจจัยต่างๆ ของสถานที่นวดแก้อาการแต่ละแห่ง ว่าที่ใดมีความเชี่ยวชาญ สามารถรักษาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าต่อผู้ป่วยมากที่สุด

กลับสู่สารบัญ

บทส่งท้าย

ในผู้ที่มีอาการปวดข้อศอก ในเริ่มแรก หากอาการไม่รุนแรง ควรพักการใช้งานข้อศอก และอาจเพิ่มการประคบอุ่นบริเวณที่ปวด หรืออาจทานยาบรรเทาอาการปวดร่วมด้วย ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น อาจจะลองพิจารณาหาทางรักษาด้วยวิธีอื่นต่อไป นอกจากนี้การป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดข้อศอกก็เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยในผู้ที่เล่นกีฬา ควรมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้มาก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บโดยการเล่นกีฬา ไม่ควรเล่นหักโหมมากไป และควรใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสรีระ ส่วนในผู้ที่ต้องใช้งานข้อศอกอยู่ตลอดซ้ำๆ ควรมีการพักหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เพื่อป้องกันการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ และการบาดเจ็บของเส้นเอ็นบริเวณข้อศอก