อาการเกี่ยวกับเส้นประสาทที่พบได้บ่อย
1. อัมพฤกษ์จากภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ / แตก
ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ เส้นเลือดอุดตัน และเส้นเลือดในสมองแตกนั้น มักจะเป็นภาวะที่ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างกระทันหัน จึงเป็นสาเหตุให้เนื้อสมองบางส่วนถูกทำลาย เพราะขาดออกซิเจนและสารอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้ว สมองของคนเราจะเป็นศูนย์กลางควบคุมระบบประสาทของร่างกาย ดังนั้นเมื่อเนื้อสมองบางส่วนถูกทำลายไป ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและเส้นประสาทต่างๆ ในร่างกายด้วย
โดยความรุนแรงของอาการนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหลอดเลือดที่มีปัญหาและระดับความเสียหายของเนื้อสมอง ซึ่งอาการของหลอดเลือดสมองไม่ว่าจะเป็น การตีบ การอุดตัน หรือการแตกนั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายคลึงกัน คือ ร่างกายอ่อนแรงครึ่งซีก หรือ อาการอัมพฤกษ์ กล่าวคือกล้ามเนื้อแขนและขาด้านใดด้านหนึ่งจะอ่อนแรงหรือสูญเสียการควบคุม เดินกระเผลก ทรงตัวไม่ค่อยได้ ชูแขนไม่ได้ กำมือหรือแบมือไม่สุด หยิบจับสิ่งของชิ้นเล็กๆ ไม่ได้ เป็นต้น
2. โรคปลายประสาทอักเสบ
เป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ผู้ป่วยที่เป็นปลายประสาทอักเสบมักจะมีอาการใดอาการหนึ่ง หรือมีหลายอาการร่วมกันดังนี้
- มีอาการชาบริเวณมือและเท้า
- มีอาการหนาๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- มีอาการแสบร้อนบริเวณผิวหนัง
- มีอาการแปล็บที่ผิวหนังเมื่อโดนสัมผัส
- มีอาการชาร้อนวูบๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
- มีอาการอ่อนแรง
สาเหตุของโรคปลายประสาทอักเสบนั้นสามารถมีมากมายตั้งแต่ ภาวะแทรกซ้อนของโรคประจำตัว การติดเชื้อ ผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด การขาดวิตามิน การได้รับสารพิษ อุบัติเหตุ หรือการกดทับของเส้นประสาทตามจุดต่างๆ เป็นต้น
3. โรคอัมพาตใบหน้า / เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ (Bell’s Palsy)
โรคอัมพาตใบหน้า เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบหรือได้รับบาดเจ็บ ส่งผลให้เส้นประสาทสูญเสียการทำงานในการควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก เช่น ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หนังตาตก ยกคิ้วไม่ขึ้น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก น้ำลายไหลจากมุมปาก หรือ สูญเสียการรับรส เป็นต้น
ซึ่งโรคนี้พบได้ในบุคคลทั่วไป โดยมักเกิดใน
- ช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น ผู้ที่พักผ่อนน้อย ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น
- ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการบนใบหน้าโดยเข็มฉีดยา หรือ เครื่องมือที่ใช้พลังงานต่างๆ แล้วมีการพลาดพลั้งไปกระทบโดนเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
- ผู้ที่มีอาการปวดคอบ่า เรื้อรัง จนทำให้การอักเสบลามเข้าไปที่เส้นประสาทคู่ที่ 7
- ผู้ที่มีการติดเชื้อในร่างกายและเชื้อโรคลุกลามไปยังบริเวณเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
4. เส้นประสาทอักเสบจากการผ่าตัด/การทำศัลยกรรม
การผ่าตัด หรือ การศัลยกรรม หรือการทำหัตถการต่างๆ บนใบหน้าโดยใช้ เข็มหรือเครื่องส่งพลังงานสูง อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆ ได้ เมื่อเส้นประสาทได้รับการบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างพังผืดมาเกาะบริเวณนั้น จนในบางครั้งไปอาจทำให้การส่งสัญญาณของเส้นประสาทผิดเพี้ยนไปจากเดิม
จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น อาการแสบร้อน เสียว ยิบๆ ซ่าๆ หรืออาการแปลกๆ ที่เกิดจากการระคายเคืองของเส้นประสาท โดยอาจจะมีอาการเพียงเล็กน้อยเมื่อเริ่มแรก แต่หากปล่อยไว้และไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้เกิดการลุกลามมากขึ้นในอนาคต
ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้
เมื่อเส้นประสาทที่เริ่มทำงานผิดปกติ จะทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เกิดการเกร็งและแข็งตัวขึ้น เนื่องจากจะมีพังผืดไปเกาะ ส่งผลให้เส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เพราะพังผืดไปรบกวนการส่งสัญญาณของเส้นประสาท ผู้ป่วยจึงเกิดอาการ เหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง เป็นต้น แต่เมื่อพังผืดถูกสลายออกไป เส้นประสาทจะสามารถกลับไปทำงานได้ปกติอีกครั้ง อาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาการเหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง ก็จะหมดไป
โดยการรักษาจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
1. การคลายกล้ามเนื้อชั้นบน-ชั้นลึก
ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก คลายตัวออกจากอาการเกร็ง เพื่อลดการบีบรัดเส้นประสาท ในกรณีที่เส้นประสาทมีปัญหาจากการถูกกดทับ หรือบีบรัด การนวดในขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาอาการตึงรั้ง และอาการเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ อัมพฤกษ์ได้
2. การสลายพังผืดและจุดยึดเกร็ง (trigger point)
ในขั้นตอนนี้จะเน้นการสลายพังผืดที่เกาะอยู่บริเวณเนื้อเยื่อรอบๆ เส้นประสาทที่อักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการ เหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง และเป็นการกระตุ้นให้เส้นประสาทกลับมาทำงานให้ดีอีกครั้ง ในผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อลีบ เมื่อได้รับการนวดกระตุ้นจนถึงจุดหนึ่ง กล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาแข็งแรงและสมบูรณ์อีกครั้ง
การ นวดแก้อาการ ด้วยการสลายพังผืดและจุดยึดเกร็งนี้ จะเป็นการกำจัดปัญหาจากต้นเหตุอย่างแท้จริง เพราะเมื่อพังผืดถูกสลายออกจนหมดแล้ว เส้นประสาทที่มีปัญหาจะกลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม เลือดจะไหวเวียนได้ดีขึ้น
สามารถนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้เต็มที่อีกครั้ง กล้ามเนื้อจะนิ่มตัวลงและไม่แข็งเกร็ง อาการอักเสบ รวมถึงอาการผิดปกติต่างๆ จะหายไป และไม่กลับมาอีก เพราะต้นเหตุถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร