นวดฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเส้นประสาท

จบทุกอาการปวด อย่างยั่งยืน​ เราเน้นการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างถาวร

มีจรรยาบรรณ

ให้รายละเอียดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลี้ยงไข้ ไม่มีการเชิญชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆ

วิธีการรักษาที่เห็นผล

เรามั่นใจในผลการรักษาที่แตกต่างอย่างชัดเจน และผลลัพธ์ของผู้ป่วยที่ดีขึ้นอย่างถาวร

การรักษาที่ครอบคลุม

แก้ปัญหาตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อ เส้นลม เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก พังผืด และเส้นประสาท

มีจรรยาบรรณ

ให้รายละเอียดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลี้ยงไข้ ไม่มีการเชิญชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆ

วิธีการรักษาที่เห็นผล

เรามั่นใจในผลการรักษาที่แตกต่างอย่างชัดเจน และผลลัพธ์ของผู้ป่วยที่ดีขึ้นอย่างถาวร

การรักษาที่ครอบคลุม

แก้ปัญหาตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อ เส้นลม เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก พังผืด และเส้นประสาท

อาการเกี่ยวกับเส้นประสาทที่พบได้บ่อย

1. อัมพฤกษ์จากภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ / แตก

ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ เส้นเลือดอุดตัน และเส้นเลือดในสมองแตกนั้น มักจะเป็นภาวะที่ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างกระทันหัน จึงเป็นสาเหตุให้เนื้อสมองบางส่วนถูกทำลาย เพราะขาดออกซิเจนและสารอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้ว

สมองของคนเราจะเป็นศูนย์กลางควบคุมระบบประสาทของร่างกาย ดังนั้นเมื่อเนื้อสมองบางส่วนถูกทำลายไป ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและเส้นประสาทต่างๆ ในร่างกายด้วย

โดยความรุนแรงของอาการนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหลอดเลือดที่มีปัญหาและระดับความเสียหายของเนื้อสมอง ซึ่งอาการของหลอดเลือดสมองไม่ว่าจะเป็น การตีบ การอุดตัน หรือการแตกนั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายคลึงกัน คือ ร่างกายอ่อนแรงครึ่งซีก หรือ อาการอัมพฤกษ์ กล่าวคือกล้ามเนื้อแขนและขาด้านใดด้านหนึ่งจะอ่อนแรงหรือสูญเสียการควบคุม เดินกระเผลก ทรงตัวไม่ค่อยได้ ชูแขนไม่ได้ กำมือหรือแบมือไม่สุด หยิบจับสิ่งของชิ้นเล็กๆ ไม่ได้ เป็นต้น

2. โรคปลายประสาทอักเสบ

เป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ผู้ป่วยที่เป็นปลายประสาทอักเสบมักจะมีอาการใดอาการหนึ่ง หรือมีหลายอาการร่วมกันดังนี้

  • มีอาการชาบริเวณมือและเท้า
  • มีอาการหนาๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  • มีอาการแสบร้อนบริเวณผิวหนัง
  • มีอาการแปล็บที่ผิวหนังเมื่อโดนสัมผัส
  • มีอาการชาร้อนวูบๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  • มีอาการอ่อนแรง

สาเหตุของโรคปลายประสาทอักเสบนั้นสามารถมีมากมายตั้งแต่ ภาวะแทรกซ้อนของโรคประจำตัว การติดเชื้อ ผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด การขาดวิตามิน การได้รับสารพิษ อุบัติเหตุ หรือการกดทับของเส้นประสาทตามจุดต่างๆ เป็นต้น

3. โรคอัมพาตใบหน้า / เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ (Bell’s Palsy)

โรคอัมพาตใบหน้า เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบหรือได้รับบาดเจ็บ ส่งผลให้เส้นประสาทสูญเสียการทำงานในการควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก เช่น ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หนังตาตก ยกคิ้วไม่ขึ้น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก น้ำลายไหลจากมุมปาก หรือ สูญเสียการรับรส เป็นต้น

ซึ่งโรคนี้พบได้ในบุคคลทั่วไป โดยมักเกิดใน

  • ช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น ผู้ที่พักผ่อนน้อย ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น
  • ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการบนใบหน้าโดยเข็มฉีดยา หรือ เครื่องมือที่ใช้พลังงานต่างๆ แล้วมีการพลาดพลั้งไปกระทบโดนเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
  • ผู้ที่มีอาการปวดคอบ่า เรื้อรัง จนทำให้การอักเสบลามเข้าไปที่เส้นประสาทคู่ที่ 7
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อในร่างกายและเชื้อโรคลุกลามไปยังบริเวณเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7

4. เส้นประสาทอักเสบจากการผ่าตัด/การทำศัลยกรรม

การผ่าตัด หรือ การศัลยกรรม หรือการทำหัตถการต่างๆ บนใบหน้าโดยใช้ เข็มหรือเครื่องส่งพลังงานสูง อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆ ได้ เมื่อเส้นประสาทได้รับการบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างพังผืดมาเกาะบริเวณนั้น จนในบางครั้งไปอาจทำให้การส่งสัญญาณของเส้นประสาทผิดเพี้ยนไปจากเดิม จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น อาการแสบร้อน เสียว ยิบๆ ซ่าๆ หรืออาการแปลกๆ ที่เกิดจากการระคายเคืองของเส้นประสาท โดยอาจจะมีอาการเพียงเล็กน้อยเมื่อเริ่มแรก แต่หากปล่อยไว้และไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้เกิดการลุกลามมากขึ้นในอนาคต

ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้

เมื่อเส้นประสาทที่เริ่มทำงานผิดปกติ จะทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เกิดการเกร็งและแข็งตัวขึ้น เนื่องจากจะมีพังผืดไปเกาะ ส่งผลให้เส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เพราะพังผืดไปรบกวนการส่งสัญญาณของเส้นประสาท ผู้ป่วยจึงเกิดอาการ เหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง เป็นต้น แต่เมื่อพังผืดถูกสลายออกไป เส้นประสาทจะสามารถกลับไปทำงานได้ปกติอีกครั้ง อาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาการเหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง ก็จะหมดไป

เส้นประสาทอักเสบ

ในการรักษาอาการที่เกี่ยวกับเส้นประสาททำงานผิดปกตินั้น ทางคลินิกจะต้องทำการวินิจฉัยก่อนว่า อาการนั้นๆ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการนวดสลายพังผืด หรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ป่วย 80% ที่มีอาการลักษณะนี้ จะตอบสนองต่อการรักษาของทางคลินิกเป็นอย่างดี

โดยการรักษาจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ

1. การคลายกล้ามเนื้อชั้นบน-ชั้นลึก

ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก คลายตัวออกจากอาการเกร็ง เพื่อลดการบีบรัดเส้นประสาท ในกรณีที่เส้นประสาทมีปัญหาจากการถูกกดทับ หรือบีบรัด การนวดในขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาอาการตึงรั้ง และอาการเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ อัมพฤกษ์ได้

2. การสลายพังผืดและจุดยึดเกร็ง (trigger point)

ในขั้นตอนนี้จะเน้นการสลายพังผืดที่เกาะอยู่บริเวณเนื้อเยื่อรอบๆ เส้นประสาทที่อักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการ เหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง และเป็นการกระตุ้นให้เส้นประสาทกลับมาทำงานให้ดีอีกครั้ง ในผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อลีบ เมื่อได้รับการนวดกระตุ้นจนถึงจุดหนึ่ง กล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาแข็งแรงและสมบูรณ์อีกครั้ง

การ นวดแก้อาการ ด้วยการสลายพังผืดและจุดยึดเกร็งนี้ จะเป็นการกำจัดปัญหาจากต้นเหตุอย่างแท้จริง เพราะเมื่อพังผืดถูกสลายออกจนหมดแล้ว เส้นประสาทที่มีปัญหาจะกลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม เลือดจะไหวเวียนได้ดีขึ้น สามารถนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้เต็มที่อีกครั้ง กล้ามเนื้อจะนิ่มตัวลงและไม่แข็งเกร็ง อาการอักเสบ รวมถึงอาการผิดปกติต่างๆ จะหายไป และไม่กลับมาอีก เพราะต้นเหตุถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร

อาการเกี่ยวกับเส้นประสาทที่พบได้บ่อย

1. อัมพฤกษ์จากภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ / แตก

ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ เส้นเลือดอุดตัน และเส้นเลือดในสมองแตกนั้น มักจะเป็นภาวะที่ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างกระทันหัน จึงเป็นสาเหตุให้เนื้อสมองบางส่วนถูกทำลาย เพราะขาดออกซิเจนและสารอาหาร ซึ่งโดยปกติแล้ว สมองของคนเราจะเป็นศูนย์กลางควบคุมระบบประสาทของร่างกาย ดังนั้นเมื่อเนื้อสมองบางส่วนถูกทำลายไป ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบกล้ามเนื้อและเส้นประสาทต่างๆ ในร่างกายด้วย

โดยความรุนแรงของอาการนั้นจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหลอดเลือดที่มีปัญหาและระดับความเสียหายของเนื้อสมอง ซึ่งอาการของหลอดเลือดสมองไม่ว่าจะเป็น การตีบ การอุดตัน หรือการแตกนั้น ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายคลึงกัน คือ ร่างกายอ่อนแรงครึ่งซีก หรือ อาการอัมพฤกษ์ กล่าวคือกล้ามเนื้อแขนและขาด้านใดด้านหนึ่งจะอ่อนแรงหรือสูญเสียการควบคุม เดินกระเผลก ทรงตัวไม่ค่อยได้ ชูแขนไม่ได้ กำมือหรือแบมือไม่สุด หยิบจับสิ่งของชิ้นเล็กๆ ไม่ได้ เป็นต้น

2. โรคปลายประสาทอักเสบ

เป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ผู้ป่วยที่เป็นปลายประสาทอักเสบมักจะมีอาการใดอาการหนึ่ง หรือมีหลายอาการร่วมกันดังนี้

  • มีอาการชาบริเวณมือและเท้า
  • มีอาการหนาๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  • มีอาการแสบร้อนบริเวณผิวหนัง
  • มีอาการแปล็บที่ผิวหนังเมื่อโดนสัมผัส
  • มีอาการชาร้อนวูบๆ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  • มีอาการอ่อนแรง

สาเหตุของโรคปลายประสาทอักเสบนั้นสามารถมีมากมายตั้งแต่ ภาวะแทรกซ้อนของโรคประจำตัว การติดเชื้อ ผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด การขาดวิตามิน การได้รับสารพิษ อุบัติเหตุ หรือการกดทับของเส้นประสาทตามจุดต่างๆ เป็นต้น

3. โรคอัมพาตใบหน้า / เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ (Bell’s Palsy)

โรคอัมพาตใบหน้า เกิดจากเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบหรือได้รับบาดเจ็บ ส่งผลให้เส้นประสาทสูญเสียการทำงานในการควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีก เช่น ใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หนังตาตก ยกคิ้วไม่ขึ้น หลับตาไม่สนิท มุมปากตก น้ำลายไหลจากมุมปาก หรือ สูญเสียการรับรส เป็นต้น

ซึ่งโรคนี้พบได้ในบุคคลทั่วไป โดยมักเกิดใน

  • ช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ เช่น ผู้ที่พักผ่อนน้อย ผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น
  • ผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการบนใบหน้าโดยเข็มฉีดยา หรือ เครื่องมือที่ใช้พลังงานต่างๆ แล้วมีการพลาดพลั้งไปกระทบโดนเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
  • ผู้ที่มีอาการปวดคอบ่า เรื้อรัง จนทำให้การอักเสบลามเข้าไปที่เส้นประสาทคู่ที่ 7
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อในร่างกายและเชื้อโรคลุกลามไปยังบริเวณเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7

4. เส้นประสาทอักเสบจากการผ่าตัด/การทำศัลยกรรม

การผ่าตัด หรือ การศัลยกรรม หรือการทำหัตถการต่างๆ บนใบหน้าโดยใช้ เข็มหรือเครื่องส่งพลังงานสูง อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆ ได้ เมื่อเส้นประสาทได้รับการบาดเจ็บ ร่างกายจะสร้างพังผืดมาเกาะบริเวณนั้น จนในบางครั้งไปอาจทำให้การส่งสัญญาณของเส้นประสาทผิดเพี้ยนไปจากเดิม

จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น อาการแสบร้อน เสียว ยิบๆ ซ่าๆ หรืออาการแปลกๆ ที่เกิดจากการระคายเคืองของเส้นประสาท โดยอาจจะมีอาการเพียงเล็กน้อยเมื่อเริ่มแรก แต่หากปล่อยไว้และไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้เกิดการลุกลามมากขึ้นในอนาคต

ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้

เมื่อเส้นประสาทที่เริ่มทำงานผิดปกติ จะทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เกิดการเกร็งและแข็งตัวขึ้น เนื่องจากจะมีพังผืดไปเกาะ ส่งผลให้เส้นประสาทไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เพราะพังผืดไปรบกวนการส่งสัญญาณของเส้นประสาท ผู้ป่วยจึงเกิดอาการ เหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง เป็นต้น แต่เมื่อพังผืดถูกสลายออกไป เส้นประสาทจะสามารถกลับไปทำงานได้ปกติอีกครั้ง อาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาการเหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง ก็จะหมดไป

เส้นประสาทอักเสบ

โดยการรักษาจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ

1. การคลายกล้ามเนื้อชั้นบน-ชั้นลึก

ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก คลายตัวออกจากอาการเกร็ง เพื่อลดการบีบรัดเส้นประสาท ในกรณีที่เส้นประสาทมีปัญหาจากการถูกกดทับ หรือบีบรัด การนวดในขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาอาการตึงรั้ง และอาการเกร็งของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ อัมพฤกษ์ได้

2. การสลายพังผืดและจุดยึดเกร็ง (trigger point)

ในขั้นตอนนี้จะเน้นการสลายพังผืดที่เกาะอยู่บริเวณเนื้อเยื่อรอบๆ เส้นประสาทที่อักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการ เหน็บ ชา หนาๆ แปล็บๆ แสบร้อน อ่อนแรง และเป็นการกระตุ้นให้เส้นประสาทกลับมาทำงานให้ดีอีกครั้ง ในผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อลีบ เมื่อได้รับการนวดกระตุ้นจนถึงจุดหนึ่ง กล้ามเนื้อจะค่อยๆ กลับมาแข็งแรงและสมบูรณ์อีกครั้ง

การ นวดแก้อาการ ด้วยการสลายพังผืดและจุดยึดเกร็งนี้ จะเป็นการกำจัดปัญหาจากต้นเหตุอย่างแท้จริง เพราะเมื่อพังผืดถูกสลายออกจนหมดแล้ว เส้นประสาทที่มีปัญหาจะกลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม เลือดจะไหวเวียนได้ดีขึ้น

สามารถนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้เต็มที่อีกครั้ง กล้ามเนื้อจะนิ่มตัวลงและไม่แข็งเกร็ง อาการอักเสบ รวมถึงอาการผิดปกติต่างๆ จะหายไป และไม่กลับมาอีก เพราะต้นเหตุถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร

ทำไมต้องเลือกเรา

เน้นการรักษาที่ทำให้ร่างกายดีขึ้นอย่างยั่งยืน กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไม่กลับมาบาดเจ็บซ้ำๆ ในอนาคต

ทำไมต้องเลือกเรา

เน้นการรักษาที่ทำให้ร่างกายดีขึ้นอย่างยั่งยืน กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไม่กลับมาบาดเจ็บซ้ำๆ ในอนาคต

*** ต้องเป็นผู้ป่วยที่ไม่เคยมีอาการนี้มาก่อน และไม่เคยเป็นๆ หายๆ มาก่อน ***

*** ต้องเป็นผู้ป่วยที่ไม่เคยมีอาการนี้มาก่อน และไม่เคยเป็นๆ หายๆ มาก่อน ***

รวมวิดีโอการรักษาดูเพิ่มเติม

ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

รวมวิดีโอการรักษา

ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

10+ ปี

ประสบการณ์รักษา

3,000+ เคส

จำนวนการรักษา

คำถามที่พบบ่อย

ที่คลินิกเราเน้นการนวดแก้อาการด้วยวิธีสลายพังผืดและสลายจุดยึดเกร็ง (Trigger point) เป็นหลัก

อาการปวดโดยมากแล้วจะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือข้อต่อ มีพังผืดไปยึดเกาะ จนทำให้เกิดการตึงเครียดของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น และทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก จึงเกิดการอักเสบ การปวด ขึ้น

และหากบริเวณดังกล่าวมีพังผืดไปเกาะมากจนเป็นก้อนหนา และเริ่มไปเบียดรบกวนเส้นประสาทเข้า เส้นประสาทนั้นๆ จะเริ่มทำงานไม่ปกติ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการผิดปกติอื่นๆ ตามมา เช่น อาการชา แสบร้อน อ่อนแรง อาการหนาๆ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ แพทย์แผนปัจจุบันมักจะหาสาเหตุไม่พบ และจะวินิจฉัยว่าเป็นอาการปลายประสาทอักเสบ

การนวดแก้สลายพังผืดนั้น สามารถทำได้ในทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หลัง สะโพก ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า ส้นเท้า คอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ ฝ่ามือ เป็นต้น เพราะจุดใดก็ตามที่มีการเกร็งตัวหรือการอักเสบ จุดนั้นจะมี trigger point เกิดขึ้นและจะเริ่มมีพังผืดไปเกาะคลุม ดังนั้นหากต้องการคลายความหดเกร็งและกำจัดการอักเสบออก ก็จำเป็นต้องกำจัดทั้งพังผืดและจุด trigger point ออกไป

การนวดสลายพังผืดและ trigger point ออกนั้น จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของอาการผิดปกติทั้งหมด เพราะถ้าไม่มีพังผืดและ trigger point แล้ว กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นประสาท ก็จะกลับไปทำงานได้ปกติ มีสุขภาพดีดังเดิม อาการผิดปกติต่างๆ ก็จะหายไปและไม่เกิดขึ้นอีก

ทำไมนวดแก้อาการสลายพังผืดได้

การนวดที่จะรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้นั้น จะต้องเป็นการนวดที่เน้นการสลายพังผืดเป็นหลัก เนื่องจากต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวผิดตำแหน่งนั้น โดยมากจะเกิดจากการที่มีพังผืดไปเกาะยึดระหว่าง หมอนรองกระดูก และกล้ามเนื้อรอบๆ ของหมอนรองกระดูกนั้นๆ จนเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเกิดความตึงเครียดและดึงรั้งกัน จนดึงให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ออกมาทับเส้นประสาท

ดังนั้นการรักษาที่จะทำให้ได้ผลอย่างแท้จริงคือการสลายพังผืดที่เป็นตัวยึดรั้งให้หมอนรองกระดูกที่อยู่ผิดตำแหน่ง หรือ ที่ปลิ้นออกมา ให้สลายออกไป เมื่อไม่มีพังผืดคอยดึงรั้ง หมอนรองกระดูกก็สามารถเคลื่อนที่กลับสู่ตำแหน่งเดิมได้ตามกลไกการฟื้นฟูของร่างกาย และไม่กลับมาปลิ้นทับเส้นประสาทอีกในอนาคต

นี่คือสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยหลายท่าน ถึงแม้จะรักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำกายภาพ การจัดกระดูก ทานยา ทานอาหารเสริมแล้ว อาการถึงไม่หายขาด หรือดีขึ้นแต่ก็กลับมาปวดใหม่ซ้ำๆ นั่นเป็นเพราะตัวพังผืดที่เป็นสาเหตุหลักนั้น ไม่ได้ถูกกำจัดออกไป

หมอนรองกระดูกทับเส้น นวดได้จริงหรือ

เหตุผลที่แพทย์สั่งห้ามนวดเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการนวดทั่วๆ ไป โดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญนั้น ย่อมก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ประกอบอาชีพหมอนวดจำนวนมาก แต่เรากลับหาผู้ที่เชี่ยวชาญในการนวดรักษาได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ พังผืด อย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แพทย์จะสั่งห้ามนวด เพราะผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงที่จะได้เจอกับหมอนวดที่ไม่ชำนาญและอาจทำให้บาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม

ในกรณีของกระดูกเสื่อม กระดูกทรุดนั้น ก็จะมีสาเหตุที่คล้ายคลึงกับอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือเกิดจากร่างกายสร้างพังผืดมากเกาะบริเวณข้อกระดูกที่มีปัญหา ส่งผลให้ข้อกระดูกเกิดการแข็งตัวและไม่ยืดหยุ่น

โดยที่ถ้าเป็นกระดูกเสื่อมนั้น เวลาทำ X-RAY หรือ MRI จะมองไม่เห็นข้อกระดูกบริเวณที่โดนพังผืดปกคลุม แพทย์ก็จะวินิจฉัยว่าเป็นกระดูกเสื่อม ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถรักษาได้โดยการนวดสลายเอาพังผืดที่เกาะบริเวณรอบข้อกระดูกนั้นออก ผู้ป่วยก็จะกลับมามีข้อกระดูกที่ยืดหยุ่นดังเดิม

ในกรณีของกระดูกทรุด จะเกิดจากการที่มีพังผืดเกาะยึดบริเวณข้อกระดูก 2 ข้อ (ข้อบน - ข้อล่าง) โดยพังผืดที่เกาะนั้นค่อยๆ ดึงให้ข้อกระดูกทั้ง 2 ข้อนี้ชิดเข้าหากัน จนหมอนรองกระดูกถูกบีบยุบตัวลง และข้อกระดูกบน-ล่าง ทรุดติดกัน เกิดการกดทับเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆ

การนวดที่สามารถรักษาอาการนี้ได้ จะต้องเป็นการนวดที่เน้นสลายพังผืดออก เพื่อที่ทำให้กระดูกข้อบน-ล่าง ค่อยๆ คลายตัวออกจากกันและเคลื่อนตัวออกจากการกดทับเส้นประสาท

กระดูกทรุด

ไม่ เพราะการนวดสลายพังผืดของทางคลินิก จะเป็นการนวดโดย target ไปเฉพาะบริเวณที่มีพังผืด และ trigger point เท่านั้น เพราะทุกครั้งที่เกิดการปวด หรือการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นใน กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หรือเส้นประสาท จะมีพังผืดหรือ trigger point เกิดควบคู่อยู่เสมอ

หากพังผืดและ trigger point ถูกสลายออกไป อาการปวดและอักเสบจะคลายตัวลงอย่างชัดเจน ส่วนความเจ็บหรืออาการระบมที่เกิดจากการนวดนั้น เป็นเพียงอาการชั่วคราวหลังการทำหัตถการ ไม่ใช่ความเจ็บที่ทำให้เกิดการอักเสบแต่อย่างใด เพราะไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการสร้างพังผืดใหม่ เหมือนอย่างการกระแทก การประสบอุบัติเหตุ การยกของหนัก หรือการใช้งานกล้ามเนื้อที่หนักเกินไป

  • ถ้าเพิ่งมีอาการมาไม่เกิน 3 เดือน ส่วนใหญ่จะรักษา 1-2 ครั้ง แล้วหายขาดเลย ***
  • ถ้ามีอาการมานานกว่า 3 เดือน 80% ของผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก แต่จะรักษากี่ครั้งแล้วหายสนิท ต้องให้คุณหมอประเมินอาการอีกครั้ง
  • แต่ถ้ามีอาการหนัก/เรื้อรังมานานมากๆ การรักษาครั้งแรกอาจไม่เห็นผลเลย ซึ่งจะไปเห็นผลในครั้งต่อๆ ไปแทน

*** ผู้ป่วยต้องไม่เคยมีอาการนี้หรืออาการที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันมาก่อน

ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการสะสมมา

  • ผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง หรือ มีอาการเป็นๆ หายๆ มานาน หรือเคยใช้ร่างกายหนักๆ มาตลอดหลายปี ย่อมต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการ เนื่องจากในผู้ป่วยที่มีอาการมานาน พังผืดจะเกาะแทรกและลุกลามไปในชั้นกล้ามเนื้อหลายๆ ชั้นแล้ว ในบางเคส พังผืดได้ลุกลามไปตามหมอนรองกระดูก และข้อต่อต่างๆ ดังนั้นจะต้องรักษาหลายครั้งกว่าจะสลายพังผืดออกจนหมด
  • ในขณะที่ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มมีอาการไม่นานนั้น จะมีพังผืดยึดเกาะเพียงเล็กน้อย และจะเกาะอยู่เพียงกล้ามเนื้อชั้นบนๆ ไม่ได้เกาะฝังลงลึก หรือเกาะลุกลามไปที่ต่างๆ เหมือนผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ดังนั้น จึงใช้เวลารักษาน้อยกว่า ได้ผลที่ชัดเจนกว่า และหายไวกว่า

สภาพกล้ามเนื้อของผู้ป่วย

  • ผู้ป่วยแต่ละท่านมีสภาพกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของความสามารถในการคลายตัว หรือในเรื่องความหนืดแข็งของพังผืด ผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อที่คลายตัวได้เร็ว หรือมีพังผืดนิ่มจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและไวกว่าผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อที่คลายตัวช้า หรือมีพังผืดหนืดแข็ง

การรักษาของทางคลินิก ถ้าผู้ป่วยรักษาจนหายดีแล้ว จะสามารถกลับไปออกกำลังกายได้ ยกของได้ นั่งนานได้ ทำทุกอย่างได้เต็มที่ ไม่มีข้อจำกัด ร่างกายจะเหมือน reset กลับเป็น 0 ใหม่เลย จนกว่าผู้ป่วยมีเหตุให้ร่างกายได้รับการบาดเจ็บครั้งใหม่ เช่น ไปล้มมา ไปยกของผิดจังหวะ หรือไปออกกำลังกายผิดท่า เป็นต้น

แต่ถ้าจะต้องอยู่ในท่าเดิมตลอด ร่างกายก็จะเริ่มสะสมพังผืดใหม่ แต่จะใช้เวลานานมาก (เป็น 10 ปี) กว่าจะกลับมาปวดมากอีกครั้ง ซึ่งทางคลินิกจะแนะนำว่า หากทำการรักษาจนหายดีแล้ว ผู้ป่วยอาจจะต้องหมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณที่ใช้งานบ่อยๆ เพื่อป้องกันการตึงเครียดของกล้ามเนื้อจนทำให้มีพังผืดมาเกาะอีกครั้ง

ทางคลินิกจะใช้ ข้อศอก นิ้วมือ และไม้นวดเล็กๆ ประกอบกันในการรักษา

เดือนละ 1 ครั้ง หรือ เมื่อมีอาการกลับมาอีกครั้ง

เราเชื่อว่าการรักษาที่ทำให้เห็นผลนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการรักษา แต่ขึ้นอยู่กับว่าการรักษานั้นๆ สามารถแก้อาการได้ตรงจุดหรือไม่ การรักษาที่ตรงจุดเพียงครั้งเดียว ย่อมให้ผลที่มากและยาวนานกว่า การแก้ที่ไม่ตรงจุด 10 ครั้ง

การรักษาของทางคลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากการนวดหรือการรักษาอื่นๆ เราจะมี step ในการรักษาที่ไม่เหมือนการนวดทั่วไป ในกรณีที่ผู้ป่วยเห็นผลและมีอาการดีขึ้นจากการรักษานั้น ผลการรักษาจะอยู่ได้ค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นถ้าผลการรักษายังดีอยู่ ทางคลินิกก็จะยังไม่แนะนำให้เข้ามารักษาอีกจนกว่าจะเริ่มกลับมามีอาการอีกครั้ง

ในกรณีที่ผู้ป่วยยังมีอาการเหลืออยู่หลังจากการรักษา ผู้ป่วยสามารถเข้ามารักษาได้เร็วกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้ตรวจเป็นสำคัญ

ปกติเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่เป็นมา

ขณะรักษาจะค่อนข้างเจ็บกว่าการนวดทั่วไป เพราะเราเป็นการนวดเพื่อรักษา ไม่ใช่นวดผ่อนคลาย การรักษาของทางคลินิกจะเหมาะสำหรับผู้ที่ทนเจ็บได้ ที่คลินิกจะไม่มีการกระแทก บิด หัก แอ่น กระชากใดๆ ความเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดจากการคลึงสลายพังผืด และการสลายจุดยึดเกร็ง ( trigger point) ออก

การนวดแก้อาการด้วยการสลายพังผืดนี้ ไม่มีอันตรายใดๆ การรักษาจะมีลักษณะคล้ายๆ การเขี่ย/แกะ/คลึง ไปตามบริเวณที่มีปัญหา ไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพียงแต่ขณะรักษาจะมีความเจ็บเกิดขึ้นเนื่องจากพังผืดที่ยึดเกาะนั้นมีความ เหนียว เกร็ง แข็ง แต่เมื่อพังผืดคลายตัวออกแล้ว อาการเจ็บก็จะหายไป

มีบ้างแต่ไม่ทุกคน อาการระบมและฟกช้ำที่เกิดขึ้นจะสามารถหายไปเองได้ใน 3-10 วัน โดยอาการระบมจะเป็นลักษณะเจ็บๆ บนผิวบริเวณที่ถูกรักษา ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่ต้องนอนพักฟื้นใดๆ

ส่วนอาการฟกช้ำมักจะเกิดในผู้ที่มีการรักษาในบริเวณที่มีไขมันเยอะๆ เช่น ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น ซึ่งรอยช้ำจะมีสีเข้มในช่วง 2-7 วันแรก และจะสามารถจางไปได้เอง ไม่มีอันตรายใดๆ

โดยปกติแล้วการรักษาจะไม่ทำให้เกิดแผลใดๆ แต่ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีพังผืดเกาะในข้อต่อที่ลึกมากๆ อาจจะมีแผลถลอกเกิดขึ้นจากการรักษา (ประมาณ 0.8-1 cm) ซึ่งทางคลินิกจะให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการจะให้รักษาบริเวณที่ลึกมากๆ นั้น ตอนนี้เลยหรือไม่ หากต้องการหลีกเลี่ยงแผลถลอก ผู้ป่วยสามารถเลือกที่จะค่อยๆ รักษาไป โดยแบ่งการรักษาออกเป็นหลายๆ ครั้งแทนได้

  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุและยังมีรอยฟกช้ำอยู่
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ทางคลินิกจะไม่รับรักษาอาการบริเวณ คอ-บ่า-ไหล่ แต่สามารถรักษาอาการบริเวณอื่นๆ ได้
  • ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง จะต้องทานยาคุมความดันมาก่อนการเข้ารับการรักษาทุกครั้ง

เริ่มต้นที่ 900 – 2,500 บาท/ครั้ง คลินิกสามารถออกใบรับรองแพทย์ (ใบรับรองการรักษา) ได้

ในกรณีที่เคยผ่าตัดในบริเวณที่จะรักษามาก่อน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 500.

ผู้ป่วยต้องจองคิวล่วงหน้าก่อนเข้ารับการรักษา สามารถติดต่อจองคิวได้ทาง 082-356-2329 Line หรือ Facebook

คลินิกอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับรถเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที สามารถดูแผนที่ได้ที่ด้านล่างเพจ

คำถามที่พบบ่อย

ที่คลินิกเราเน้นการนวดแก้อาการด้วยวิธีสลายพังผืดและจุดยึดเกร็ง (Trigger point)

อาการปวดโดยมากแล้วจะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือข้อต่อ มีพังผืดไปยึดเกาะ จนทำให้เกิดการตึงเครียด ของเนื้อเยื่อบริเวณนั้นและทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก จึงเกิดการอักเสบ การปวด ขึ้น

และหากบริเวณดังกล่าวมีพังผืดไปเกาะมากจนเป็นก้อนหนา และเริ่มไปเบียดรบกวนเส้นประสาทเข้า เส้นประสาทนั้นๆ จะเริ่มทำงานไม่ปกติ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการผิดปกติอื่นๆ ตามมา เช่น อาการชา แสบร้อน อ่อนแรง อาการหนาๆ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ แพทย์แผนปัจจุบันมักจะหาสาเหตุไม่พบ และจะวินิจฉัยว่าเป็นอาการปลายประสาทอักเสบ

การนวดแก้สลายพังผืดนั้น สามารถทำได้ในทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หลัง สะโพก ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า ส้นเท้า คอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ ฝ่ามือ เป็นต้น เพราะจุดใดก็ตามที่มีการเกร็งตัวหรือการอักเสบ จุดนั้นจะมี trigger point เกิดขึ้นและจะเริ่มมีพังผืดไปเกาะคลุม ดังนั้นหากต้องการคลายความหดเกร็งและกำจัดการอักเสบออก ก็จำเป็นต้องกำจัดทั้งพังผืดและจุด trigger point ออกไป

การนวดสลายพังผืดออกนั้น จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของอาการผิดปกติทั้งหมด เพราะถ้าไม่มีพังผืดไปยึดเกาะแล้ว กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นประสาท ก็จะกลับไปทำงานได้ปกติ มีสุขภาพดีดังเดิม อาการผิดปกติต่างๆ ก็จะหายไปและไม่เกิดขึ้นอีก

ทำไมนวดแก้อาการสลายพังผืดได้

การนวดที่จะรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้นั้น จะต้องเป็นการนวดที่เน้นการสลายพังผืดเป็นหลัก เนื่องจากต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวผิดตำแหน่งนั้น โดยมากจะเกิดจากการที่มีพังผืดไปเกาะยึดระหว่าง หมอนรองกระดูก และกล้ามเนื้อรอบๆ ของหมอนรองกระดูกนั้นๆ จนเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเกิดความตึงเครียดและดึงรั้งกัน จนดึงให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ออกมาทับเส้นประสาท

ดังนั้นการรักษาที่จะทำให้ได้ผลอย่างแท้จริงคือการสลายพังผืดที่เป็นตัวยึดรั้งให้หมอนรองกระดูกที่อยู่ผิดตำแหน่ง หรือ ที่ปลิ้นออกมา ให้สลายออกไป เมื่อไม่มีพังผืดคอยดึงรั้ง หมอนรองกระดูกก็สามารถเคลื่อนที่กลับสู่ตำแหน่งเดิมได้ตามกลไกการฟื้นฟูของร่างกาย และไม่กลับมาปลิ้นทับเส้นประสาทอีกในอนาคต

นี่คือสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยหลายท่าน ถึงแม้จะรักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำกายภาพ การจัดกระดูก ทานยา ทานอาหารเสริมแล้ว อาการถึงไม่หายขาด หรือดีขึ้นแต่ก็กลับมาปวดใหม่ซ้ำๆ นั่นเป็นเพราะตัวพังผืดที่เป็นสาเหตุหลักนั้น ไม่ได้ถูกกำจัดออกไป

หมอนรองกระดูกทับเส้น นวดได้จริงหรือ

เหตุผลที่แพทย์สั่งห้ามนวดเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการนวดทั่วๆ ไป โดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญนั้น ย่อมก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ประกอบอาชีพหมอนวดจำนวนมาก แต่เรากลับหาผู้ที่เชี่ยวชาญในการนวดรักษาได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ พังผืด อย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แพทย์จะสั่งห้ามนวด เพราะผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงที่จะได้เจอกับหมอนวดที่ไม่ชำนาญและอาจทำให้บาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม

ในกรณีของกระดูกเสื่อม กระดูกทรุดนั้น ก็จะมีสาเหตุที่คล้ายคลึงกับอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือเกิดจากร่างกายสร้างพังผืดมากเกาะบริเวณข้อกระดูกที่มีปัญหา ส่งผลให้ข้อกระดูกเกิดการแข็งตัวและไม่ยืดหยุ่น

โดยที่ถ้าเป็นกระดูกเสื่อมนั้น เวลาทำ X-RAY หรือ MRI จะมองไม่เห็นข้อกระดูกบริเวณที่โดนพังผืดปกคลุม แพทย์ก็จะวินิจฉัยว่าเป็นกระดูกเสื่อม ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถรักษาได้โดยการนวดสลายเอาพังผืดที่เกาะบริเวณรอบข้อกระดูกนั้นออก ผู้ป่วยก็จะกลับมามีข้อกระดูกที่ยืดหยุ่นดังเดิม

ในกรณีของกระดูกทรุด จะเกิดจากการที่มีพังผืดเกาะยึดบริเวณข้อกระดูก 2 ข้อ (ข้อบน - ข้อล่าง) โดยพังผืดที่เกาะนั้นค่อยๆ ดึงให้ข้อกระดูกทั้ง 2 ข้อนี้ชิดเข้าหากัน จนหมอนรองกระดูกถูกบีบยุบตัวลง และข้อกระดูกบน-ล่าง ทรุดติดกัน เกิดการกดทับเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆ

การนวดที่สามารถรักษาอาการนี้ได้ จะต้องเป็นการนวดที่เน้นสลายพังผืดออก เพื่อที่ทำให้กระดูกข้อบน-ล่าง ค่อยๆ คลายตัวออกจากกันและเคลื่อนตัวออกจากการกดทับเส้นประสาท

กระดูกทรุด

ไม่ เพราะการนวดสลายพังผืดของทางคลินิก จะเป็นการนวดโดย target ไปเฉพาะบริเวณที่มีพังผืด และ trigger point เท่านั้น เพราะทุกครั้งที่เกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นใน กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หรือเส้นประสาท ย่อมมีพังผืดหรือ trigger point เกิดควบคู่อยู่เสมอ

หากพังผืดและ trigger point ถูกสลายออกไป อาการอักเสบจะคลายตัวลงอย่างชัดเจน ส่วนความเจ็บหรืออาการระบมที่เกิดจากการนวดนั้น เป็นเพียงอาการชั่วคราวหลังการทำหัตถการ ไม่ใช่ความเจ็บที่ทำให้เกิดการอักเสบแต่อย่างใด เพราะไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการสร้างพังผืดใหม่ เหมือนอย่างการกระแทก การยกของผิดจังหวะ การประสบอุบัติเหตุ หรือการใช้งานกล้ามเนื้อที่มากจนเกินไป

  • ถ้าเพิ่งมีอาการมาไม่เกิน 3 เดือน ส่วนใหญ่จะรักษา 1-2 ครั้ง แล้วหายขาดเลย ***
  • ถ้ามีอาการมานานกว่า 3 เดือน 80% ของผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก แต่จะรักษากี่ครั้งแล้วหายสนิท ต้องให้คุณหมอประเมินอาการอีกครั้ง
  • ถ้ามีอาการหนัก/เรื้อรังมานานมากๆ รักษาครั้งแรก อาจไม่เห็นผลเลย จะไปเห็นผลในครั้งต่อๆ ไปแทน

*** ต้องไม่เคยมีอาการนี้หรืออาการที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันมาก่อน 

ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการสะสมมา

  • ผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง หรือ มีอาการเป็นๆ หายๆ มานาน หรือเคยใช้ร่างกายหนักๆ มาตลอดหลายปี ย่อมต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการ เนื่องจากในผู้ป่วยที่มีอาการมานาน พังผืดจะเกาะแทรกและลุกลามไปในชั้นกล้ามเนื้อหลายๆ ชั้นแล้ว ในบางเคส พังผืดได้ลุกลามไปตามหมอนรองกระดูก และข้อต่อต่างๆ ดังนั้นจะต้องรักษาหลายครั้งกว่าจะสลายพังผืดออกจนหมด
  • ในขณะที่ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มมีอาการไม่นานนั้น จะมีพังผืดยึดเกาะเพียงเล็กน้อย และจะเกาะอยู่เพียงกล้ามเนื้อชั้นบนๆ ไม่ได้เกาะฝังลงลึก หรือเกาะลุกลามไปที่ต่างๆ เหมือนผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ดังนั้น จึงใช้เวลารักษาน้อยกว่า ได้ผลที่ชัดเจนกว่า และหายไวกว่า

สภาพกล้ามเนื้อของผู้ป่วย

  • ผู้ป่วยแต่ละท่านมีสภาพกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของความสามารถในการคลายตัว หรือในเรื่องความหนืดแข็งของพังผืด ผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อที่คลายตัวได้เร็ว หรือมีพังผืดนิ่มจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและไวกว่าผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อที่คลายตัวช้า หรือมีพังผืดหนืดแข็ง

การรักษาของทางคลินิก ถ้าผู้ป่วยรักษาจนหายดีแล้ว จะสามารถกลับไปออกกำลังกายได้ ยกของได้ นั่งนานได้ ทำทุกอย่างได้เต็มที่ ไม่มีข้อจำกัด ร่างกายจะเหมือน reset กลับเป็น 0 ใหม่เลย จนกว่าผู้ป่วยมีเหตุให้ร่างกายได้รับการบาดเจ็บครั้งใหม่ เช่น ไปล้มมา หรือไปออกกำลังกายผิดท่า เป็นต้น

แต่ถ้าจะต้องอยู่ในท่าเดิมตลอด ร่างกายก็จะเริ่มสะสมพังผืดใหม่ แต่จะใช้เวลานานมาก (เป็น 10 ปี) กว่าจะกลับมาปวดมากอีกครั้ง ซึ่งทางคลินิกจะแนะนำว่า หากทำการรักษาจนหายดีแล้ว ผู้ป่วยอาจจะต้องหมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณที่ใช้งานบ่อยๆ เพื่อป้องกันการตึงเครียดของกล้ามเนื้อจนทำให้มีพังผืดมาเกาะอีกครั้ง

ทางคลินิกจะใช้ ข้อศอก นิ้วมือ และไม้นวดเล็กๆ ประกอบกันในการรักษา

เดือนละ 1 ครั้ง หรือ เมื่อมีอาการกลับมาอีกครั้ง

เราเชื่อว่าการรักษาที่ทำให้เห็นผลนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการรักษา แต่ขึ้นอยู่กับว่าการรักษานั้นๆ สามารถแก้อาการได้ตรงจุดหรือไม่ การรักษาที่ตรงจุดเพียงครั้งเดียว ย่อมให้ผลที่มากและยาวนานกว่า การแก้ที่ไม่ตรงจุด 10 ครั้ง

การรักษาของทางคลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากการนวดหรือการรักษาอื่นๆ เราจะมี step ในการรักษาที่ไม่เหมือนการนวดทั่วไป ในกรณีที่ผู้ป่วยเห็นผลและมีอาการดีขึ้นจากการรักษานั้น ผลการรักษาจะอยู่ได้ค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นถ้าผลการรักษายังดีอยู่ ทางคลินิกก็จะยังไม่แนะนำให้เข้ามารักษาอีกจนกว่าจะเริ่มกลับมามีอาการอีกครั้ง

ในกรณีที่ผู้ป่วยยังมีอาการเหลืออยู่หลังจากการรักษา ผู้ป่วยสามารถเข้ามารักษาได้เร็วกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้ตรวจเป็นสำคัญ

ปกติเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่เป็นมา

ขณะรักษาจะค่อนข้างเจ็บกว่าการนวดทั่วไป เพราะเราเป็นการนวดเพื่อรักษา ไม่ใช่นวดผ่อนคลาย การรักษาของทางคลินิกจะเหมาะสำหรับผู้ที่ทนเจ็บได้ ที่คลินิกจะไม่มีการกระแทก บิด หัก แอ่น กระชากใดๆ ความเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดจากการคลึงสลายพังผืด และการสลายจุดยึดเกร็ง ( trigger point) ออก

การนวดแก้อาการด้วยการสลายพังผืดนี้ ไม่มีอันตรายใดๆ การรักษาจะมีลักษณะคล้ายๆ การเขี่ย/แกะ/คลึง ไปตามบริเวณที่มีปัญหา ไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพียงแต่ขณะรักษาจะมีความเจ็บเกิดขึ้นเนื่องจากพังผืดที่ยึดเกาะนั้นมีความ เหนียว เกร็ง แข็ง แต่เมื่อพังผืดคลายตัวออกแล้ว อาการเจ็บก็จะหายไป

มีบ้างแต่ไม่ทุกคน อาการระบมและฟกช้ำที่เกิดขึ้นจะสามารถหายไปเองได้ใน 3-10 วัน โดยอาการระบมจะเป็นลักษณะเจ็บๆ บนผิวบริเวณที่ถูกรักษา ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่ต้องนอนพักฟื้นใดๆ

ส่วนอาการฟกช้ำมักจะเกิดในผู้ที่มีการรักษาในบริเวณที่มีไขมันเยอะๆ เช่น ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น ซึ่งรอยช้ำจะมีสีเข้มในช่วง 2-7 วันแรก และจะสามารถจางไปได้เอง ไม่มีอันตรายใดๆ

โดยปกติแล้วการรักษาจะไม่ทำให้เกิดแผลใดๆ แต่ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีพังผืดเกาะในข้อต่อที่ลึกมากๆ อาจจะมีแผลถลอกเกิดขึ้นจากการรักษา (ประมาณ 0.8-1 cm) ซึ่งทางคลินิกจะให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการจะให้รักษาบริเวณที่ลึกมากๆ นั้น ตอนนี้เลยหรือไม่ หากต้องการหลีกเลี่ยงแผลถลอก ผู้ป่วยสามารถเลือกที่จะค่อยๆ รักษาไป โดยแบ่งการรักษาออกเป็นหลายๆ ครั้งแทนได้

  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุและยังมีรอยฟกช้ำอยู่
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ทางคลินิกจะไม่รับรักษาอาการบริเวณ คอ-บ่า-ไหล่ แต่สามารถรักษาอาการบริเวณอื่นๆ ได้
  • ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง จะต้องทานยาคุมความดันมาก่อนการเข้ารับการรักษาทุกครั้ง

เริ่มต้นที่ 900 – 2,500 บาท/ครั้ง คลินิกสามารถออกใบรับรองแพทย์ (ใบรับรองการรักษา) ได้

ในกรณีที่เคยผ่าตัดในบริเวณที่จะรักษามาก่อน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 500.

ผู้ป่วยต้องจองคิวล่วงหน้าก่อนเข้ารับการรักษา สามารถติดต่อจองคิวได้ทาง 082-356-2329 Line หรือ Facebook

คลินิกอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับรถเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที สามารถดูแผนที่ได้ที่ด้านล่างเพจ

อย่าทนกับอาการที่เป็นอยู่

แผนที่คลินิก

คลินิกเราอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที

    อย่าทนกับอาการที่เป็นอยู่

    แผนที่คลินิก

    คลินิกเราอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที