นวดแก้อาการปวดเข่า

จบทุกอาการปวด อย่างยั่งยืน​ เราเน้นการรักษา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างถาวร

มีจรรยาบรรณ

ให้รายละเอียดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลี้ยงไข้ ไม่มีการเชิญชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆ

วิธีการรักษาที่เห็นผล

เรามั่นใจในผลการรักษาที่แตกต่างอย่างชัดเจน และผลลัพธ์ของผู้ป่วยที่ดีขึ้นอย่างถาวร

การรักษาที่ครอบคลุม

แก้ปัญหาตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อ เส้นลม เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก พังผืด และเส้นประสาท

มีจรรยาบรรณ

ให้รายละเอียดอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลี้ยงไข้ ไม่มีการเชิญชวนให้ซื้อผลิตภัณฑ์ใดๆ

วิธีการรักษาที่เห็นผล

เรามั่นใจในผลการรักษาที่แตกต่างอย่างชัดเจน และผลลัพธ์ของผู้ป่วยที่ดีขึ้นอย่างถาวร

การรักษาที่ครอบคลุม

แก้ปัญหาตั้งแต่ชั้นกล้ามเนื้อ เส้นลม เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก พังผืด และเส้นประสาท

อาการปวดเข่าที่พบได้บ่อย มีดังนี้

อาการปวดเข่า เป็นอาการที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ หรือในผู้ที่เล่นกีฬาที่มีการใช้เข่าและขามาก เช่น วิ่ง ฟุตบอล เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะมีความเสี่ยงในการปวดเข่ามากขึ้นอีกด้วย ซึ่งอาการปวดเข่าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสามารถแบ่งอาการปวดเข่าจากสาเหตุต่างๆ ได้ดังนี้

1. อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย

ปวดหลังร้าวลงขา

อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย มักเกิดจาก หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โดยจะมีอาการปวดหลังร้าวลงเข่า ซึ่งเกิดจากการดึงรั้งของกล้ามเนื้อตั้งแต่หลังจนถึงเข่า กล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหาจะหดเกร็งและตึง จนดึงรั้งให้เกิดอาการปวดเข่าได้

2. อาการปวดเข่าจากการเล่นกีฬา / การออกกำลังกาย

2.1 เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด

เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด

เอ็นไขว้หน้าขาด มักพบได้บ่อยในการเล่นกีฬาที่ต้องมีการบิด หมุนหัวเข่า เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน และบาสเก็ตบอล ซึ่งเอ็นไขว้หน้านี้ มีหน้าที่ช่วยรักษาความมั่นคง และ ควบคุมการเคลื่อนไหวของหัวเข่า

เมื่อเกิดการฉีกขาด ในระยะแรกผู้ป่วยจะมีอาการหัวเข่าอักเสบ ปวด บวม แดง ไม่สามารถเดินลงน้ำหนักข้างที่มีปัญหาได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่ออาการอักเสบสงบลง ผู้ป่วยจะสามารถกลับไปเกินได้ปกติ แต่อาจจะไม่สามารถทำอิริยาบถบางท่าได้เต็มที่ เช่น การวิ่ง การเดินขึ้น-ลงบันได การกระโดด การกลับไปเล่นกีฬาหนักๆ เหมือนเดิม เนื่องจากจะเกิดอาการ เสียว ตึง ปวด หรือเข่าหลวม เข่าทรุด เป็นต้น

ลักษณะการฉีดขาดของเอ็นไขว้หน้ามีอยู่ 2 แบบคือ

  • ขาดออกจากกันเป็น 2 ส่วน การฉีกขาดในระดับนี้ จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดซ่อมหรือสร้างเอ็นไขว้หน้าใหม่
  • ฉีกขาดแค่บางส่วน โดยยังเหลือส่วนที่ยึดติดกัน การฉีกขาดลักษณะนี้ อาจจะไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

การปล่อยให้เอ็นไขว้หน้าขาดแล้วไม่ทำการรักษา จะส่งผลให้เกิดบาดเจ็บของหมอนรองกระดูกเข่าและกระดูกอ่อนหัวเข่าตามมา ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันสมควร

2.2 ITBS หรือ Iliotibial band syndrome

เป็นการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยมากใน นักวิ่ง หรือ นักปั่นจักรยาน สาเหตุเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อ Iliotibial band (คือกล้ามเนื้อพิเศษที่ยาวตั้งแต่บริเวณเอว-เข่า) มากเกินไป ทำให้เอ็นเสียดสีกับกระดูกเข่าด้านนอก จนเกิดการอักเสบ และเกร็งตัวของมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ทำให้เกิดอาการปวดตามมา ในผู้ป่วยบางเคส อาการปวดอาจร้าวขึ้นไปถึงต้นขาและสะโพกได้

3. อาการปวดบริเวณข้อพับขา ข้อพับเข่า

อาการปวดข้อพับขา ปวดใต้ข้อพับเข่านี้ มักจะมาคู่กับอาการ งอขาไม่ได้ พับเข่าได้ไม่สุด ไม่สามารถนั่งคุกเข่าหรือพับเพียบได้ โดยมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ในการงอขาเกิดการหดเกร็ง อักเสบ ขาดความยืดหยุ่น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการอยู่ในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งคุกเข่า นั่งพับขา หรือนั่งยองๆ เป็นเวลานาน จนเนื้อเยื่อบริเวณข้อพับเกิดการอักเสบและมีพังผืดไปยึดเกาะ จนสูญเสียความยืดหยุ่น

4. อาการปวดเข่าจากเอ็นเข่าอักเสบ

อาการเอ็นเข่าอักเสบ อาจเกิดจากการเล่นกีฬา การออกกำลังกาย การใช้งานหัวเข่าที่มากเกินไป หรืออุบัติเหตุการกระแทกชน เป็นต้น เมื่อเอ็นเข่าอักเสบ ตัวเอ็นจะเกิดการหดเกร็ง และทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเกร็งตัวตามไปด้วย อาการปวดจึงเกิดขึ้น ซึ่งโดยมากความปวดจากเอ็นอักเสบนี้จะเกิดในบริเวณด้านข้างเข่า ในลักษณะของ การปวดหัวเข่าด้านนอก หรืออาการปวดหัวเข่าด้านใน

5. อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อม

ข้อเข่าประกอบด้วย กระดูก 3 ชิ้น ซึ่งถูกยึดติดกันด้วยเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ โดยมีกระดูกอ่อนอยู่ด้านในของกระดูกด้านบน มีหน้าที่ช่วยลดแรงกระแทกและลดการเสียดสีระหว่างกระดูกข้อเข่า และมีหมอนรองกระดูกเข่าอยู่ติดกับกระดูกท่อนล่าง

อาการข้อเข่าเสื่อม โดยมากแล้วจะเกิดจาก การที่กล้ามเนื้อ กระดูก และกระดูกอ่อน มีพังผืดไปยึดเกาะ ทำให้เกิดการดึงรั้งจนผิดสมดุล และเกิดการเสียดสีของผิวกระดูก จนกระดูกอ่อนเสียหาย น้ำเลี้ยงในข้อเข่าลดลง และเกิดเป็นอาการเข่าเสื่อมในที่สุด

อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อม

สาเหตุที่ทำให้มีพังผืดไปยึดเกาะนั้น มักจะเกิดจาก

การใช้งานข้อเข่าอย่างหนักในมาเป็นเวลานาน และการอยู่ในอิริยาบถที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวเข่าเกร็งอยู่ตลอดเวลา เช่น การนั่งยองทำงานตลอด หรือการที่ปล่อยให้ข้อเข่าแบกรับน้ำหนักตัวที่มากเกินไป การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในอดีต ที่ไม่ได้รับการรักษาให้หาย อุบัติเหตุต่างๆ เช่นการชน การกระแทกที่เกิดขึ้นในอดีตและปล่อยไว้โดยไม่ได้รักษา

ผู้ป่วยที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อมนั้น หัวเข่าจะแข็งเกร็ง มีอาการปวดเข่า ไม่สามารถยืน เดินได้นาน ขึ้น-ลงบันไดลำบาก ไม่สามารถนั่งขัดสมาธิ นั่งยองๆ หรือนั่งคุกเข่าได้ ในบางรายหัวเข่าจะผิดรูปจนขาโก่งออกจากกัน และอาจเกิดภาวะเข่าอ่อนแรงร่วมด้วย

ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้

การรักษาของเราจะเน้นการแก้ปัญหาอย่างครอบคลุมในทุกเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกัน โดยจะเน้นการสลายพังผืดและจุด trigger point ในชั้นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ และเส้นประสาท โดยเมื่อพังผืดและจุดยึดเกร็งถูกสลายออกจนหมด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ เส้นประสาท ก็จะกลับไปมีสุขภาพดีดังเดิม อาการปวด ชา ตึง แสบร้อน อ่อนแรง ก็จะหมดไป และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีก เพราะสาเหตุหลักของปัญหาได้ถูกกำจัดออกไป

โดยการรักษาจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ

1. การคลายกล้ามเนื้อชั้นบน-ชั้นลึก

ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก คลายตัวจากอาการตึงเครียดและอาการหดเกร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ อาการตึง เมื่อย หรืออาการปวดลึกๆ ในมัดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ การนวดในขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาอาการตึงรั้งของกล้ามเนื้อที่ support รอบๆ หัวเข่า

2. การสลายพังผืดและจุด Trigger point

ในขั้นตอนนี้จะเน้นการสลายพังผืดและจุด trigger point ที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ที่ขัดขวางไม่ให้เลือดนำพาสารอาหารและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงบริเวณหัวเข่าได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณหัวเข่าเกร็งตัว ไม่ยืดหยุ่น และทำให้เกิดอาการ ปวดเข่า เสียวแปล็บ พับเข่าหรืองอเข่าได้ไม่สุด อาการขัดบริเวณหัวเข่า เป็นต้น

นอกจากนี้ในเคสที่มีปัญหาข้อต่อกระดูก เช่น หมอนรองเข่ามีปัญหา หรือ ผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อม จะต้องมีการสลายพังผืดที่เกาะอยู่ตามข้อกระดูก หมอนรองกระดูกเข่า รวมถึงกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อ และ กระดูกอ่อนแข็งตัว ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น ผิดรูป และเสื่อมสภาพ

การ นวดแก้อาการ ด้วยการสลายพังผืดและจุดยึดเกร็งนี้ จะเป็นการกำจัดปัญหาจากต้นเหตุอย่างแท้จริง เพราะเมื่อพังผืดถูกสลายออกจนหมดแล้ว กล้ามเนื้อ เอ็น หมอนรองกระดูก และข้อต่อ จะกลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม ไม่หดเกร็ง ไม่ยึดรั้ง เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณที่มีปัญหาคลายตัวกลับสู่สภาพปกติ เส้นประสาทจะกลับไปทำงานได้ปกติ และเลือดสามารถนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้เต็มที่อีกครั้ง อาการปวด อาการอักเสบ รวมถึงอาการผิดปกติต่างๆ จะหายไป และไม่กลับมาอีก เพราะต้นเหตุถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร

อาการปวดเข่าที่พบได้บ่อย มีดังนี้

อาการปวดเข่า เป็นอาการที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ หรือในผู้ที่เล่นกีฬาที่มีการใช้เข่าและขามาก เช่น วิ่ง ฟุตบอล เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะมีความเสี่ยงในการปวดเข่ามากขึ้นอีกด้วย ซึ่งอาการปวดเข่าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสามารถแบ่งอาการปวดเข่าจากสาเหตุต่างๆ ได้ดังนี้

1. อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย

อาการปวดเข่าที่มีอาการปวดหลังร่วมด้วย มักเกิดจาก หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท โดยจะมีอาการปวดหลังร้าวลงเข่า ซึ่งเกิดจากการดึงรั้งของกล้ามเนื้อตั้งแต่หลังจนถึงเข่า กล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหาจะหดเกร็งและตึง จนดึงรั้งให้เกิดอาการปวดเข่าได้

ปวดหลังร้าวลงขา

2. อาการปวดเข่าจากการเล่นกีฬา / การออกกำลังกาย

2.1 เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด

เอ็นไขว้หน้าเข่าฉีกขาด

เอ็นไขว้หน้าขาด มักพบได้บ่อยในการเล่นกีฬาที่ต้องมีการบิด หมุนหัวเข่า เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน และบาสเก็ตบอล ซึ่งเอ็นไขว้หน้านี้ มีหน้าที่ช่วยรักษาความมั่นคง และ ควบคุมการเคลื่อนไหวของหัวเข่า

เมื่อเกิดการฉีกขาด ในระยะแรกผู้ป่วยจะมีอาการหัวเข่าอักเสบ ปวด บวม แดง ไม่สามารถเดินลงน้ำหนักข้างที่มีปัญหาได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่ออาการอักเสบสงบลง ผู้ป่วยจะสามารถกลับไปเกินได้ปกติ

แต่อาจจะไม่สามารถทำอิริยาบถบางท่าได้เต็มที่ เช่น การวิ่ง การเดินขึ้น-ลงบันได การกระโดด การกลับไปเล่นกีฬาหนักๆ เหมือนเดิม เนื่องจากจะเกิดอาการ เสียว ตึง ปวด หรือเข่าหลวม เข่าทรุด เป็นต้น

ลักษณะการฉีดขาดของเอ็นไขว้หน้ามีอยู่ 2 แบบคือ

  • ขาดออกจากกันเป็น 2 ส่วน การฉีกขาดในระดับนี้ จำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดซ่อมหรือสร้างเอ็นไขว้หน้าใหม่
  • ฉีกขาดแค่บางส่วน โดยยังเหลือส่วนที่ยึดติดกัน การฉีกขาดลักษณะนี้ อาจจะไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเสมอไป ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

การปล่อยให้เอ็นไขว้หน้าขาดแล้วไม่ทำการรักษา จะส่งผลให้เกิดบาดเจ็บของหมอนรองกระดูกเข่าและกระดูกอ่อนหัวเข่าตามมา ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันสมควร

2.2 ITBS หรือ Iliotibial band syndrome

เป็นการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยมากใน นักวิ่ง หรือ นักปั่นจักรยาน สาเหตุเกิดจากการใช้กล้ามเนื้อ Iliotibial band (คือกล้ามเนื้อพิเศษที่ยาวตั้งแต่บริเวณเอว-เข่า) มากเกินไป ทำให้เอ็นเสียดสีกับกระดูกเข่าด้านนอก จนเกิดการอักเสบ และเกร็งตัวของมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ทำให้เกิดอาการปวดตามมา ในผู้ป่วยบางเคส อาการปวดอาจร้าวขึ้นไปถึงต้นขาและสะโพกได้

3. อาการปวดบริเวณข้อพับขา ข้อพับเข่า

อาการปวดข้อพับขา ปวดใต้ข้อพับเข่านี้ มักจะมาคู่กับอาการ งอขาไม่ได้ พับเข่าได้ไม่สุด ไม่สามารถนั่งคุกเข่าหรือพับเพียบได้ โดยมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่ทำหน้าที่ในการงอขาเกิดการหดเกร็ง อักเสบ ขาดความยืดหยุ่น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการอยู่ในอิริยาบถเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งคุกเข่า นั่งพับขา หรือนั่งยองๆ เป็นเวลานาน จนเนื้อเยื่อบริเวณข้อพับเกิดการอักเสบและมีพังผืดไปยึดเกาะ จนสูญเสียความยืดหยุ่น

4. อาการปวดเข่าจากเอ็นเข่าอักเสบ

อาการเอ็นเข่าอักเสบ อาจเกิดจากการเล่นกีฬา การออกกำลังกาย การใช้งานหัวเข่าที่มากเกินไป หรืออุบัติเหตุการกระแทกชน เป็นต้น เมื่อเอ็นเข่าอักเสบ ตัวเอ็นจะเกิดการหดเกร็ง และทำให้เนื้อเยื่อรอบข้างเกร็งตัวตามไปด้วย อาการปวดจึงเกิดขึ้น ซึ่งโดยมากความปวดจากเอ็นอักเสบนี้จะเกิดในบริเวณด้านข้างเข่า ในลักษณะของ การปวดหัวเข่าด้านนอก หรืออาการปวดหัวเข่าด้านใน

5. อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อม

ข้อเข่าประกอบด้วย กระดูก 3 ชิ้น ซึ่งถูกยึดติดกันด้วยเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ โดยมีกระดูกอ่อนอยู่ด้านในของกระดูกด้านบน มีหน้าที่ช่วยลดแรงกระแทกและลดการเสียดสีระหว่างกระดูกข้อเข่า และมีหมอนรองกระดูกเข่าอยู่ติดกับกระดูกท่อนล่าง

อาการข้อเข่าเสื่อม โดยมากแล้วจะเกิดจาก การที่กล้ามเนื้อ กระดูก และกระดูกอ่อน มีพังผืดไปยึดเกาะ ทำให้เกิดการดึงรั้งจนผิดสมดุล และเกิดการเสียดสีของผิวกระดูก จนกระดูกอ่อนเสียหาย น้ำเลี้ยงในข้อเข่าลดลง และเกิดเป็นอาการเข่าเสื่อมในที่สุด

อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อม

สาเหตุที่ทำให้มีพังผืดไปยึดเกาะนั้น มักจะเกิดจาก

การใช้งานข้อเข่าอย่างหนักในมาเป็นเวลานาน และการอยู่ในอิริยาบถที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวเข่าเกร็งอยู่ตลอดเวลา เช่น การนั่งยองทำงานตลอด หรือการที่ปล่อยให้ข้อเข่าแบกรับน้ำหนักตัวที่มากเกินไป เป็นต้น การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในอดีต ที่ไม่ได้รับการรักษาให้หาย อุบัติเหตุต่างๆ เช่นการชน การกระแทกที่เกิดขึ้นในอดีตและปล่อยไว้โดยไม่ได้รักษา

ผู้ป่วยที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อมนั้น หัวเข่าจะแข็งเกร็ง มีอาการปวดเข่า ไม่สามารถยืน เดินได้นาน ขึ้น-ลงบันไดลำบาก ไม่สามารถนั่งขัดสมาธิ นั่งยองๆ หรือนั่งคุกเข่าได้ ในบางรายหัวเข่าจะผิดรูปจนขาโก่งออกจากกัน และอาจเกิดภาวะเข่าอ่อนแรงร่วมด้วย

ทำไมการรักษาของเรา จึงช่วยคุณได้

การรักษาของเราจะเน้นการแก้ปัญหาอย่างครอบคลุมในทุกเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกัน โดยจะเน้นการสลายพังผืดและจุดยึดเกร็ง (Trigger point) ในชั้นกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ และเส้นประสาท

โดยเมื่อพังผืดและจุดยึดเกร็งถูกสลายออกจนหมด กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ เส้นประสาท ก็จะกลับไปมีสุขภาพดีดังเดิม อาการปวด ชา ตึง แสบร้อน อ่อนแรง ก็จะหมดไป และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีก เพราะสาเหตุหลักของปัญหาได้ถูกกำจัดออกไป

โดยการรักษาจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ

1. การคลายกล้ามเนื้อชั้นบน-ชั้นลึก

ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทำให้กล้ามเนื้อชั้นบน และกล้ามเนื้อชั้นลึก คลายตัวจากอาการตึงเครียดและอาการหดเกร็ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ อาการตึง เมื่อย หรืออาการปวดลึกๆ ในมัดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ การนวดในขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาอาการตึงรั้งของกล้ามเนื้อที่ support รอบๆ หัวเข่า เช่น อาการปวดเข่าด้านบน อาการปวดข้อพับขา ปวดใต้ข้อพับเข่า เป็นต้น

2. การสลายพังผืดและจุดยึดเกร็ง (trigger point)

ในขั้นตอนนี้จะเน้นการสลายพังผืดและจุดยึดเกร็งที่ฝังตัวอยู่ในมัดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น ที่ดึงรั้งให้กระดูกหัวเข่าเสียดสีกันจนทำให้เกิดแผลหน้ากระดูก ทำให้กระดูกอ่อนเสียหาย ทำให้น้ำเลี้ยงในหัวเข่าแห้งลง

นอกจากนี้ จะมีการสลายพังผืดที่เกาะอยู่ตามข้อกระดูก หมอนรองกระดูกเข่า รวมถึงกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อต่อ และ กระดูกอ่อนแข็งตัว ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น ผิดรูป

การ นวดแก้อาการ ด้วยการสลายพังผืดและจุดยึดเกร็งนี้ จะเป็นการกำจัดปัญหาจากต้นเหตุอย่างแท้จริง เพราะเมื่อพังผืดถูกสลายออกจนหมดแล้ว กล้ามเนื้อ เอ็น หมอนรองกระดูก และข้อต่อ จะกลับมามีสุขภาพที่ดีดังเดิม ไม่หดเกร็ง ไม่ยึดรั้ง

เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณที่มีปัญหาคลายตัวกลับสู่สภาพปกติ เส้นประสาทจะกลับไปทำงานได้ปกติ และเลือดสามารถนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้เต็มที่อีกครั้ง อาการปวด อาการอักเสบ รวมถึงอาการผิดปกติต่างๆ จะหายไป และไม่กลับมาอีก เพราะต้นเหตุถูกกำจัดออกไปอย่างถาวร

ทำไมต้องเลือกเรา

เน้นการรักษาที่ทำให้ร่างกายดีขึ้นอย่างยั่งยืน กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไม่กลับมาบาดเจ็บซ้ำๆ ในอนาคต

ทำไมต้องเลือกเรา

เน้นการรักษาที่ทำให้ร่างกายดีขึ้นอย่างยั่งยืน กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ไม่กลับมาบาดเจ็บซ้ำๆ ในอนาคต

*** ต้องเป็นผู้ป่วยที่ไม่เคยมีอาการนี้มาก่อน และไม่เคยเป็นๆ หายๆ มาก่อน ***

*** ต้องเป็นผู้ป่วยที่ไม่เคยมีอาการนี้มาก่อน และไม่เคยเป็นๆ หายๆ มาก่อน ***

รีวิวส่วนหนึ่งของผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้นดูเพิ่มเติม

รวมวิดีโอการรักษาดูเพิ่มเติม

ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

รีวิวส่วนหนึ่งของผู้ป่วยที่มีอาการดีขึ้น

ดูเพิ่มเติม

รวมวิดีโอการรักษา

ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล

10+ ปี

ประสบการณ์รักษา

3,000+ เคส

จำนวนการรักษา

คำถามที่พบบ่อย

ที่คลินิกเราเน้นการนวดแก้อาการด้วยวิธีสลายพังผืดและสลายจุดยึดเกร็ง (Trigger point) เป็นหลัก

อาการปวดโดยมากแล้วจะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือข้อต่อ มีพังผืดไปยึดเกาะ จนทำให้เกิดการตึงเครียดของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น และทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก จึงเกิดการอักเสบ การปวด ขึ้น

และหากบริเวณดังกล่าวมีพังผืดไปเกาะมากจนเป็นก้อนหนา และเริ่มไปเบียดรบกวนเส้นประสาทเข้า เส้นประสาทนั้นๆ จะเริ่มทำงานไม่ปกติ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการผิดปกติอื่นๆ ตามมา เช่น อาการชา แสบร้อน อ่อนแรง อาการหนาๆ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ แพทย์แผนปัจจุบันมักจะหาสาเหตุไม่พบ และจะวินิจฉัยว่าเป็นอาการปลายประสาทอักเสบ

การนวดแก้สลายพังผืดนั้น สามารถทำได้ในทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หลัง สะโพก ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า ส้นเท้า คอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ ฝ่ามือ เป็นต้น เพราะจุดใดก็ตามที่มีการเกร็งตัวหรือการอักเสบ จุดนั้นจะมี trigger point เกิดขึ้นและจะเริ่มมีพังผืดไปเกาะคลุม ดังนั้นหากต้องการคลายความหดเกร็งและกำจัดการอักเสบออก ก็จำเป็นต้องกำจัดทั้งพังผืดและจุด trigger point ออกไป

การนวดสลายพังผืดและ trigger point ออกนั้น จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของอาการผิดปกติทั้งหมด เพราะถ้าไม่มีพังผืดและ trigger point แล้ว กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นประสาท ก็จะกลับไปทำงานได้ปกติ มีสุขภาพดีดังเดิม อาการผิดปกติต่างๆ ก็จะหายไปและไม่เกิดขึ้นอีก

ทำไมนวดแก้อาการสลายพังผืดได้

การนวดที่จะรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้นั้น จะต้องเป็นการนวดที่เน้นการสลายพังผืดเป็นหลัก เนื่องจากต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวผิดตำแหน่งนั้น โดยมากจะเกิดจากการที่มีพังผืดไปเกาะยึดระหว่าง หมอนรองกระดูก และกล้ามเนื้อรอบๆ ของหมอนรองกระดูกนั้นๆ จนเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเกิดความตึงเครียดและดึงรั้งกัน จนดึงให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ออกมาทับเส้นประสาท

ดังนั้นการรักษาที่จะทำให้ได้ผลอย่างแท้จริงคือการสลายพังผืดที่เป็นตัวยึดรั้งให้หมอนรองกระดูกที่อยู่ผิดตำแหน่ง หรือ ที่ปลิ้นออกมา ให้สลายออกไป เมื่อไม่มีพังผืดคอยดึงรั้ง หมอนรองกระดูกก็สามารถเคลื่อนที่กลับสู่ตำแหน่งเดิมได้ตามกลไกการฟื้นฟูของร่างกาย และไม่กลับมาปลิ้นทับเส้นประสาทอีกในอนาคต

นี่คือสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยหลายท่าน ถึงแม้จะรักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำกายภาพ การจัดกระดูก ทานยา ทานอาหารเสริมแล้ว อาการถึงไม่หายขาด หรือดีขึ้นแต่ก็กลับมาปวดใหม่ซ้ำๆ นั่นเป็นเพราะตัวพังผืดที่เป็นสาเหตุหลักนั้น ไม่ได้ถูกกำจัดออกไป

หมอนรองกระดูกทับเส้น นวดได้จริงหรือ

เหตุผลที่แพทย์สั่งห้ามนวดเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการนวดทั่วๆ ไป โดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญนั้น ย่อมก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ประกอบอาชีพหมอนวดจำนวนมาก แต่เรากลับหาผู้ที่เชี่ยวชาญในการนวดรักษาได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ พังผืด อย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แพทย์จะสั่งห้ามนวด เพราะผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงที่จะได้เจอกับหมอนวดที่ไม่ชำนาญและอาจทำให้บาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม

ในกรณีของกระดูกเสื่อม กระดูกทรุดนั้น ก็จะมีสาเหตุที่คล้ายคลึงกับอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือเกิดจากร่างกายสร้างพังผืดมากเกาะบริเวณข้อกระดูกที่มีปัญหา ส่งผลให้ข้อกระดูกเกิดการแข็งตัวและไม่ยืดหยุ่น

โดยที่ถ้าเป็นกระดูกเสื่อมนั้น เวลาทำ X-RAY หรือ MRI จะมองไม่เห็นข้อกระดูกบริเวณที่โดนพังผืดปกคลุม แพทย์ก็จะวินิจฉัยว่าเป็นกระดูกเสื่อม ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถรักษาได้โดยการนวดสลายเอาพังผืดที่เกาะบริเวณรอบข้อกระดูกนั้นออก ผู้ป่วยก็จะกลับมามีข้อกระดูกที่ยืดหยุ่นดังเดิม

ในกรณีของกระดูกทรุด จะเกิดจากการที่มีพังผืดเกาะยึดบริเวณข้อกระดูก 2 ข้อ (ข้อบน - ข้อล่าง) โดยพังผืดที่เกาะนั้นค่อยๆ ดึงให้ข้อกระดูกทั้ง 2 ข้อนี้ชิดเข้าหากัน จนหมอนรองกระดูกถูกบีบยุบตัวลง และข้อกระดูกบน-ล่าง ทรุดติดกัน เกิดการกดทับเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆ

การนวดที่สามารถรักษาอาการนี้ได้ จะต้องเป็นการนวดที่เน้นสลายพังผืดออก เพื่อที่ทำให้กระดูกข้อบน-ล่าง ค่อยๆ คลายตัวออกจากกันและเคลื่อนตัวออกจากการกดทับเส้นประสาท

กระดูกทรุด

ไม่ เพราะการนวดสลายพังผืดของทางคลินิก จะเป็นการนวดโดย target ไปเฉพาะบริเวณที่มีพังผืด และ trigger point เท่านั้น เพราะทุกครั้งที่เกิดการปวด หรือการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นใน กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หรือเส้นประสาท จะมีพังผืดหรือ trigger point เกิดควบคู่อยู่เสมอ

หากพังผืดและ trigger point ถูกสลายออกไป อาการปวดและอักเสบจะคลายตัวลงอย่างชัดเจน ส่วนความเจ็บหรืออาการระบมที่เกิดจากการนวดนั้น เป็นเพียงอาการชั่วคราวหลังการทำหัตถการ ไม่ใช่ความเจ็บที่ทำให้เกิดการอักเสบแต่อย่างใด เพราะไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการสร้างพังผืดใหม่ เหมือนอย่างการกระแทก การประสบอุบัติเหตุ การยกของหนัก หรือการใช้งานกล้ามเนื้อที่หนักเกินไป

  • ถ้าเพิ่งมีอาการมาไม่เกิน 3 เดือน ส่วนใหญ่จะรักษา 1-2 ครั้ง แล้วหายขาดเลย ***
  • ถ้ามีอาการมานานกว่า 3 เดือน 80% ของผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก แต่จะรักษากี่ครั้งแล้วหายสนิท ต้องให้คุณหมอประเมินอาการอีกครั้ง
  • แต่ถ้ามีอาการหนัก/เรื้อรังมานานมากๆ การรักษาครั้งแรกอาจไม่เห็นผลเลย ซึ่งจะไปเห็นผลในครั้งต่อๆ ไปแทน

*** ผู้ป่วยต้องไม่เคยมีอาการนี้หรืออาการที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันมาก่อน

ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการสะสมมา

  • ผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง หรือ มีอาการเป็นๆ หายๆ มานาน หรือเคยใช้ร่างกายหนักๆ มาตลอดหลายปี ย่อมต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการ เนื่องจากในผู้ป่วยที่มีอาการมานาน พังผืดจะเกาะแทรกและลุกลามไปในชั้นกล้ามเนื้อหลายๆ ชั้นแล้ว ในบางเคส พังผืดได้ลุกลามไปตามหมอนรองกระดูก และข้อต่อต่างๆ ดังนั้นจะต้องรักษาหลายครั้งกว่าจะสลายพังผืดออกจนหมด
  • ในขณะที่ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มมีอาการไม่นานนั้น จะมีพังผืดยึดเกาะเพียงเล็กน้อย และจะเกาะอยู่เพียงกล้ามเนื้อชั้นบนๆ ไม่ได้เกาะฝังลงลึก หรือเกาะลุกลามไปที่ต่างๆ เหมือนผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ดังนั้น จึงใช้เวลารักษาน้อยกว่า ได้ผลที่ชัดเจนกว่า และหายไวกว่า

สภาพกล้ามเนื้อของผู้ป่วย

  • ผู้ป่วยแต่ละท่านมีสภาพกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของความสามารถในการคลายตัว หรือในเรื่องความหนืดแข็งของพังผืด ผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อที่คลายตัวได้เร็ว หรือมีพังผืดนิ่มจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและไวกว่าผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อที่คลายตัวช้า หรือมีพังผืดหนืดแข็ง

การรักษาของทางคลินิก ถ้าผู้ป่วยรักษาจนหายดีแล้ว จะสามารถกลับไปออกกำลังกายได้ ยกของได้ นั่งนานได้ ทำทุกอย่างได้เต็มที่ ไม่มีข้อจำกัด ร่างกายจะเหมือน reset กลับเป็น 0 ใหม่เลย จนกว่าผู้ป่วยมีเหตุให้ร่างกายได้รับการบาดเจ็บครั้งใหม่ เช่น ไปล้มมา ไปยกของผิดจังหวะ หรือไปออกกำลังกายผิดท่า เป็นต้น

แต่ถ้าจะต้องอยู่ในท่าเดิมตลอด ร่างกายก็จะเริ่มสะสมพังผืดใหม่ แต่จะใช้เวลานานมาก (เป็น 10 ปี) กว่าจะกลับมาปวดมากอีกครั้ง ซึ่งทางคลินิกจะแนะนำว่า หากทำการรักษาจนหายดีแล้ว ผู้ป่วยอาจจะต้องหมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณที่ใช้งานบ่อยๆ เพื่อป้องกันการตึงเครียดของกล้ามเนื้อจนทำให้มีพังผืดมาเกาะอีกครั้ง

ทางคลินิกจะใช้ ข้อศอก นิ้วมือ และไม้นวดเล็กๆ ประกอบกันในการรักษา

เดือนละ 1 ครั้ง หรือ เมื่อมีอาการกลับมาอีกครั้ง

เราเชื่อว่าการรักษาที่ทำให้เห็นผลนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการรักษา แต่ขึ้นอยู่กับว่าการรักษานั้นๆ สามารถแก้อาการได้ตรงจุดหรือไม่ การรักษาที่ตรงจุดเพียงครั้งเดียว ย่อมให้ผลที่มากและยาวนานกว่า การแก้ที่ไม่ตรงจุด 10 ครั้ง

การรักษาของทางคลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากการนวดหรือการรักษาอื่นๆ เราจะมี step ในการรักษาที่ไม่เหมือนการนวดทั่วไป ในกรณีที่ผู้ป่วยเห็นผลและมีอาการดีขึ้นจากการรักษานั้น ผลการรักษาจะอยู่ได้ค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นถ้าผลการรักษายังดีอยู่ ทางคลินิกก็จะยังไม่แนะนำให้เข้ามารักษาอีกจนกว่าจะเริ่มกลับมามีอาการอีกครั้ง

ในกรณีที่ผู้ป่วยยังมีอาการเหลืออยู่หลังจากการรักษา ผู้ป่วยสามารถเข้ามารักษาได้เร็วกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้ตรวจเป็นสำคัญ

ปกติเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่เป็นมา

ขณะรักษาจะค่อนข้างเจ็บกว่าการนวดทั่วไป เพราะเราเป็นการนวดเพื่อรักษา ไม่ใช่นวดผ่อนคลาย การรักษาของทางคลินิกจะเหมาะสำหรับผู้ที่ทนเจ็บได้ ที่คลินิกจะไม่มีการกระแทก บิด หัก แอ่น กระชากใดๆ ความเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดจากการคลึงสลายพังผืด และการสลายจุดยึดเกร็ง ( trigger point) ออก

การนวดแก้อาการด้วยการสลายพังผืดนี้ ไม่มีอันตรายใดๆ การรักษาจะมีลักษณะคล้ายๆ การเขี่ย/แกะ/คลึง ไปตามบริเวณที่มีปัญหา ไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพียงแต่ขณะรักษาจะมีความเจ็บเกิดขึ้นเนื่องจากพังผืดที่ยึดเกาะนั้นมีความ เหนียว เกร็ง แข็ง แต่เมื่อพังผืดคลายตัวออกแล้ว อาการเจ็บก็จะหายไป

มีบ้างแต่ไม่ทุกคน อาการระบมและฟกช้ำที่เกิดขึ้นจะสามารถหายไปเองได้ใน 3-10 วัน โดยอาการระบมจะเป็นลักษณะเจ็บๆ บนผิวบริเวณที่ถูกรักษา ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่ต้องนอนพักฟื้นใดๆ

ส่วนอาการฟกช้ำมักจะเกิดในผู้ที่มีการรักษาในบริเวณที่มีไขมันเยอะๆ เช่น ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น ซึ่งรอยช้ำจะมีสีเข้มในช่วง 2-7 วันแรก และจะสามารถจางไปได้เอง ไม่มีอันตรายใดๆ

โดยปกติแล้วการรักษาจะไม่ทำให้เกิดแผลใดๆ แต่ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีพังผืดเกาะในข้อต่อที่ลึกมากๆ อาจจะมีแผลถลอกเกิดขึ้นจากการรักษา (ประมาณ 0.8-1 cm) ซึ่งทางคลินิกจะให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการจะให้รักษาบริเวณที่ลึกมากๆ นั้น ตอนนี้เลยหรือไม่ หากต้องการหลีกเลี่ยงแผลถลอก ผู้ป่วยสามารถเลือกที่จะค่อยๆ รักษาไป โดยแบ่งการรักษาออกเป็นหลายๆ ครั้งแทนได้

  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุและยังมีรอยฟกช้ำอยู่
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ทางคลินิกจะไม่รับรักษาอาการบริเวณ คอ-บ่า-ไหล่ แต่สามารถรักษาอาการบริเวณอื่นๆ ได้
  • ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง จะต้องทานยาคุมความดันมาก่อนการเข้ารับการรักษาทุกครั้ง

เริ่มต้นที่ 900 – 2,500 บาท/ครั้ง คลินิกสามารถออกใบรับรองแพทย์ (ใบรับรองการรักษา) ได้

ในกรณีที่เคยผ่าตัดในบริเวณที่จะรักษามาก่อน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 500.

ผู้ป่วยต้องจองคิวล่วงหน้าก่อนเข้ารับการรักษา สามารถติดต่อจองคิวได้ทาง 082-356-2329 Line หรือ Facebook

คลินิกอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับรถเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที สามารถดูแผนที่ได้ที่ด้านล่างเพจ

คำถามที่พบบ่อย

ที่คลินิกเราเน้นการนวดแก้อาการด้วยวิธีสลายพังผืดและจุดยึดเกร็ง (Trigger point)

อาการปวดโดยมากแล้วจะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือข้อต่อ มีพังผืดไปยึดเกาะ จนทำให้เกิดการตึงเครียด ของเนื้อเยื่อบริเวณนั้นและทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้สะดวก จึงเกิดการอักเสบ การปวด ขึ้น

และหากบริเวณดังกล่าวมีพังผืดไปเกาะมากจนเป็นก้อนหนา และเริ่มไปเบียดรบกวนเส้นประสาทเข้า เส้นประสาทนั้นๆ จะเริ่มทำงานไม่ปกติ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการผิดปกติอื่นๆ ตามมา เช่น อาการชา แสบร้อน อ่อนแรง อาการหนาๆ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ แพทย์แผนปัจจุบันมักจะหาสาเหตุไม่พบ และจะวินิจฉัยว่าเป็นอาการปลายประสาทอักเสบ

การนวดแก้สลายพังผืดนั้น สามารถทำได้ในทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หลัง สะโพก ต้นขา หัวเข่า ข้อเท้า ส้นเท้า คอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ ฝ่ามือ เป็นต้น เพราะจุดใดก็ตามที่มีการเกร็งตัวหรือการอักเสบ จุดนั้นจะมี trigger point เกิดขึ้นและจะเริ่มมีพังผืดไปเกาะคลุม ดังนั้นหากต้องการคลายความหดเกร็งและกำจัดการอักเสบออก ก็จำเป็นต้องกำจัดทั้งพังผืดและจุด trigger point ออกไป

การนวดสลายพังผืดออกนั้น จะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของอาการผิดปกติทั้งหมด เพราะถ้าไม่มีพังผืดไปยึดเกาะแล้ว กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น เส้นเลือด เส้นประสาท ก็จะกลับไปทำงานได้ปกติ มีสุขภาพดีดังเดิม อาการผิดปกติต่างๆ ก็จะหายไปและไม่เกิดขึ้นอีก

ทำไมนวดแก้อาการสลายพังผืดได้

การนวดที่จะรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้นั้น จะต้องเป็นการนวดที่เน้นการสลายพังผืดเป็นหลัก เนื่องจากต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวผิดตำแหน่งนั้น โดยมากจะเกิดจากการที่มีพังผืดไปเกาะยึดระหว่าง หมอนรองกระดูก และกล้ามเนื้อรอบๆ ของหมอนรองกระดูกนั้นๆ จนเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเกิดความตึงเครียดและดึงรั้งกัน จนดึงให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ออกมาทับเส้นประสาท

ดังนั้นการรักษาที่จะทำให้ได้ผลอย่างแท้จริงคือการสลายพังผืดที่เป็นตัวยึดรั้งให้หมอนรองกระดูกที่อยู่ผิดตำแหน่ง หรือ ที่ปลิ้นออกมา ให้สลายออกไป เมื่อไม่มีพังผืดคอยดึงรั้ง หมอนรองกระดูกก็สามารถเคลื่อนที่กลับสู่ตำแหน่งเดิมได้ตามกลไกการฟื้นฟูของร่างกาย และไม่กลับมาปลิ้นทับเส้นประสาทอีกในอนาคต

นี่คือสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยหลายท่าน ถึงแม้จะรักษาด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำกายภาพ การจัดกระดูก ทานยา ทานอาหารเสริมแล้ว อาการถึงไม่หายขาด หรือดีขึ้นแต่ก็กลับมาปวดใหม่ซ้ำๆ นั่นเป็นเพราะตัวพังผืดที่เป็นสาเหตุหลักนั้น ไม่ได้ถูกกำจัดออกไป

หมอนรองกระดูกทับเส้น นวดได้จริงหรือ

เหตุผลที่แพทย์สั่งห้ามนวดเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะการนวดทั่วๆ ไป โดยผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญนั้น ย่อมก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ประกอบอาชีพหมอนวดจำนวนมาก แต่เรากลับหาผู้ที่เชี่ยวชาญในการนวดรักษาได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในเรื่องกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ พังผืด อย่างแท้จริง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แพทย์จะสั่งห้ามนวด เพราะผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงที่จะได้เจอกับหมอนวดที่ไม่ชำนาญและอาจทำให้บาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม

ในกรณีของกระดูกเสื่อม กระดูกทรุดนั้น ก็จะมีสาเหตุที่คล้ายคลึงกับอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือเกิดจากร่างกายสร้างพังผืดมากเกาะบริเวณข้อกระดูกที่มีปัญหา ส่งผลให้ข้อกระดูกเกิดการแข็งตัวและไม่ยืดหยุ่น

โดยที่ถ้าเป็นกระดูกเสื่อมนั้น เวลาทำ X-RAY หรือ MRI จะมองไม่เห็นข้อกระดูกบริเวณที่โดนพังผืดปกคลุม แพทย์ก็จะวินิจฉัยว่าเป็นกระดูกเสื่อม ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถรักษาได้โดยการนวดสลายเอาพังผืดที่เกาะบริเวณรอบข้อกระดูกนั้นออก ผู้ป่วยก็จะกลับมามีข้อกระดูกที่ยืดหยุ่นดังเดิม

ในกรณีของกระดูกทรุด จะเกิดจากการที่มีพังผืดเกาะยึดบริเวณข้อกระดูก 2 ข้อ (ข้อบน - ข้อล่าง) โดยพังผืดที่เกาะนั้นค่อยๆ ดึงให้ข้อกระดูกทั้ง 2 ข้อนี้ชิดเข้าหากัน จนหมอนรองกระดูกถูกบีบยุบตัวลง และข้อกระดูกบน-ล่าง ทรุดติดกัน เกิดการกดทับเส้นประสาทในบริเวณนั้นๆ

การนวดที่สามารถรักษาอาการนี้ได้ จะต้องเป็นการนวดที่เน้นสลายพังผืดออก เพื่อที่ทำให้กระดูกข้อบน-ล่าง ค่อยๆ คลายตัวออกจากกันและเคลื่อนตัวออกจากการกดทับเส้นประสาท

กระดูกทรุด

ไม่ เพราะการนวดสลายพังผืดของทางคลินิก จะเป็นการนวดโดย target ไปเฉพาะบริเวณที่มีพังผืด และ trigger point เท่านั้น เพราะทุกครั้งที่เกิดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นใน กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หรือเส้นประสาท ย่อมมีพังผืดหรือ trigger point เกิดควบคู่อยู่เสมอ

หากพังผืดและ trigger point ถูกสลายออกไป อาการอักเสบจะคลายตัวลงอย่างชัดเจน ส่วนความเจ็บหรืออาการระบมที่เกิดจากการนวดนั้น เป็นเพียงอาการชั่วคราวหลังการทำหัตถการ ไม่ใช่ความเจ็บที่ทำให้เกิดการอักเสบแต่อย่างใด เพราะไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการสร้างพังผืดใหม่ เหมือนอย่างการกระแทก การยกของผิดจังหวะ การประสบอุบัติเหตุ หรือการใช้งานกล้ามเนื้อที่มากจนเกินไป

  • ถ้าเพิ่งมีอาการมาไม่เกิน 3 เดือน ส่วนใหญ่จะรักษา 1-2 ครั้ง แล้วหายขาดเลย ***
  • ถ้ามีอาการมานานกว่า 3 เดือน 80% ของผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก แต่จะรักษากี่ครั้งแล้วหายสนิท ต้องให้คุณหมอประเมินอาการอีกครั้ง
  • ถ้ามีอาการหนัก/เรื้อรังมานานมากๆ รักษาครั้งแรก อาจไม่เห็นผลเลย จะไปเห็นผลในครั้งต่อๆ ไปแทน

*** ต้องไม่เคยมีอาการนี้หรืออาการที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันมาก่อน 

ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการสะสมมา

  • ผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง หรือ มีอาการเป็นๆ หายๆ มานาน หรือเคยใช้ร่างกายหนักๆ มาตลอดหลายปี ย่อมต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการ เนื่องจากในผู้ป่วยที่มีอาการมานาน พังผืดจะเกาะแทรกและลุกลามไปในชั้นกล้ามเนื้อหลายๆ ชั้นแล้ว ในบางเคส พังผืดได้ลุกลามไปตามหมอนรองกระดูก และข้อต่อต่างๆ ดังนั้นจะต้องรักษาหลายครั้งกว่าจะสลายพังผืดออกจนหมด
  • ในขณะที่ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มมีอาการไม่นานนั้น จะมีพังผืดยึดเกาะเพียงเล็กน้อย และจะเกาะอยู่เพียงกล้ามเนื้อชั้นบนๆ ไม่ได้เกาะฝังลงลึก หรือเกาะลุกลามไปที่ต่างๆ เหมือนผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง ดังนั้น จึงใช้เวลารักษาน้อยกว่า ได้ผลที่ชัดเจนกว่า และหายไวกว่า

สภาพกล้ามเนื้อของผู้ป่วย

  • ผู้ป่วยแต่ละท่านมีสภาพกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของความสามารถในการคลายตัว หรือในเรื่องความหนืดแข็งของพังผืด ผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อที่คลายตัวได้เร็ว หรือมีพังผืดนิ่มจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจนและไวกว่าผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อที่คลายตัวช้า หรือมีพังผืดหนืดแข็ง

การรักษาของทางคลินิก ถ้าผู้ป่วยรักษาจนหายดีแล้ว จะสามารถกลับไปออกกำลังกายได้ ยกของได้ นั่งนานได้ ทำทุกอย่างได้เต็มที่ ไม่มีข้อจำกัด ร่างกายจะเหมือน reset กลับเป็น 0 ใหม่เลย จนกว่าผู้ป่วยมีเหตุให้ร่างกายได้รับการบาดเจ็บครั้งใหม่ เช่น ไปล้มมา หรือไปออกกำลังกายผิดท่า เป็นต้น

แต่ถ้าจะต้องอยู่ในท่าเดิมตลอด ร่างกายก็จะเริ่มสะสมพังผืดใหม่ แต่จะใช้เวลานานมาก (เป็น 10 ปี) กว่าจะกลับมาปวดมากอีกครั้ง ซึ่งทางคลินิกจะแนะนำว่า หากทำการรักษาจนหายดีแล้ว ผู้ป่วยอาจจะต้องหมั่นยืดเหยียดกล้ามเนื้อบริเวณที่ใช้งานบ่อยๆ เพื่อป้องกันการตึงเครียดของกล้ามเนื้อจนทำให้มีพังผืดมาเกาะอีกครั้ง

ทางคลินิกจะใช้ ข้อศอก นิ้วมือ และไม้นวดเล็กๆ ประกอบกันในการรักษา

เดือนละ 1 ครั้ง หรือ เมื่อมีอาการกลับมาอีกครั้ง

เราเชื่อว่าการรักษาที่ทำให้เห็นผลนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการรักษา แต่ขึ้นอยู่กับว่าการรักษานั้นๆ สามารถแก้อาการได้ตรงจุดหรือไม่ การรักษาที่ตรงจุดเพียงครั้งเดียว ย่อมให้ผลที่มากและยาวนานกว่า การแก้ที่ไม่ตรงจุด 10 ครั้ง

การรักษาของทางคลินิกจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากการนวดหรือการรักษาอื่นๆ เราจะมี step ในการรักษาที่ไม่เหมือนการนวดทั่วไป ในกรณีที่ผู้ป่วยเห็นผลและมีอาการดีขึ้นจากการรักษานั้น ผลการรักษาจะอยู่ได้ค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นถ้าผลการรักษายังดีอยู่ ทางคลินิกก็จะยังไม่แนะนำให้เข้ามารักษาอีกจนกว่าจะเริ่มกลับมามีอาการอีกครั้ง

ในกรณีที่ผู้ป่วยยังมีอาการเหลืออยู่หลังจากการรักษา ผู้ป่วยสามารถเข้ามารักษาได้เร็วกว่าเดือนละ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้ตรวจเป็นสำคัญ

ปกติเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ 30-90 นาที ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยที่เป็นมา

ขณะรักษาจะค่อนข้างเจ็บกว่าการนวดทั่วไป เพราะเราเป็นการนวดเพื่อรักษา ไม่ใช่นวดผ่อนคลาย การรักษาของทางคลินิกจะเหมาะสำหรับผู้ที่ทนเจ็บได้ ที่คลินิกจะไม่มีการกระแทก บิด หัก แอ่น กระชากใดๆ ความเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดจากการคลึงสลายพังผืด และการสลายจุดยึดเกร็ง ( trigger point) ออก

การนวดแก้อาการด้วยการสลายพังผืดนี้ ไม่มีอันตรายใดๆ การรักษาจะมีลักษณะคล้ายๆ การเขี่ย/แกะ/คลึง ไปตามบริเวณที่มีปัญหา ไม่ได้ใช้ความรุนแรง เพียงแต่ขณะรักษาจะมีความเจ็บเกิดขึ้นเนื่องจากพังผืดที่ยึดเกาะนั้นมีความ เหนียว เกร็ง แข็ง แต่เมื่อพังผืดคลายตัวออกแล้ว อาการเจ็บก็จะหายไป

มีบ้างแต่ไม่ทุกคน อาการระบมและฟกช้ำที่เกิดขึ้นจะสามารถหายไปเองได้ใน 3-10 วัน โดยอาการระบมจะเป็นลักษณะเจ็บๆ บนผิวบริเวณที่ถูกรักษา ซึ่งสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่ต้องนอนพักฟื้นใดๆ

ส่วนอาการฟกช้ำมักจะเกิดในผู้ที่มีการรักษาในบริเวณที่มีไขมันเยอะๆ เช่น ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น ซึ่งรอยช้ำจะมีสีเข้มในช่วง 2-7 วันแรก และจะสามารถจางไปได้เอง ไม่มีอันตรายใดๆ

โดยปกติแล้วการรักษาจะไม่ทำให้เกิดแผลใดๆ แต่ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีพังผืดเกาะในข้อต่อที่ลึกมากๆ อาจจะมีแผลถลอกเกิดขึ้นจากการรักษา (ประมาณ 0.8-1 cm) ซึ่งทางคลินิกจะให้ผู้ป่วยเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าต้องการจะให้รักษาบริเวณที่ลึกมากๆ นั้น ตอนนี้เลยหรือไม่ หากต้องการหลีกเลี่ยงแผลถลอก ผู้ป่วยสามารถเลือกที่จะค่อยๆ รักษาไป โดยแบ่งการรักษาออกเป็นหลายๆ ครั้งแทนได้

  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
  • ทางคลินิกไม่รับรักษาผู้ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุและยังมีรอยฟกช้ำอยู่
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ทางคลินิกจะไม่รับรักษาอาการบริเวณ คอ-บ่า-ไหล่ แต่สามารถรักษาอาการบริเวณอื่นๆ ได้
  • ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง จะต้องทานยาคุมความดันมาก่อนการเข้ารับการรักษาทุกครั้ง

เริ่มต้นที่ 900 – 2,500 บาท/ครั้ง คลินิกสามารถออกใบรับรองแพทย์ (ใบรับรองการรักษา) ได้

ในกรณีที่เคยผ่าตัดในบริเวณที่จะรักษามาก่อน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 500.

ผู้ป่วยต้องจองคิวล่วงหน้าก่อนเข้ารับการรักษา สามารถติดต่อจองคิวได้ทาง 082-356-2329 Line หรือ Facebook

คลินิกอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับรถเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที สามารถดูแผนที่ได้ที่ด้านล่างเพจ

อย่าทนกับอาการที่เป็นอยู่

แผนที่คลินิก

คลินิกเราอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที

    อย่าทนกับอาการที่เป็นอยู่

    แผนที่คลินิก

    คลินิกเราอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาชัยเมืองใหม่ ขับเลยจากพระราม 2 ไปประมาณ 20 นาที