รีวิววิธีการรักษารองช้ำ ดีขึ้นอย่างยั่งยืนได้ ด้วยการนวดสลาย trigger point

วิธีรักษา รองช้ำ

ประวัติการเจ็บป่วย

คุณสมชาย อายุ 53 ปี ผู้ป่วยมีอากาปวดส้นเท้าทั้ง 2 ข้าง มาประมาณ 3 เดือน ผู้ป่วยไม่สามารถเดินลงน้ำหนักเท้าได้เต็มที่ในช่วงเช้า เนื่องจากจะเจ็บส้นเท้า และจะปวดส้นเท้ามากหลังตื่นนอน

สรุปอาการของผู้ป่วยมีดังนี้

  • รองช้ำ
  • ปวดส้นเท้า ทั้ง 2 ข้าง
  • จะปวดส้นเท้ามากหลังตื่นนอน
  • เดินลงน้ำหนักเท้าได้ไม่เต็มที่ในช่วงเช้า เพราะจะเจ็บที่ส้นเท้า

ซึ่งผู้ป่วยได้เคยทำการรักษาด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

  • นวดบรรเทาอาการตามร้านนวดทั่วไป
  • หลังเข้ารับการรักษา ด้วยวิธีการดังกล่าว ผู้ป่วยยังคงมีอาการเดิมอยู่

เนื่องจากมีคนแนะนำให้ผู้ป่วยลองเข้ามารับการรักษาที่ชนัชพันต์คลินิก ผู้ป่วยจึงได้ลองติดต่อทางคลินิก เพื่อปรึกษาอาการเบื้องต้น และได้ตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่ชนัชพันต์คลินิก โดยมีอาการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

หลังจากนวดรักษาไป 2 ครั้ง :

  • ผู้ป่วยอาการดีขึ้นเกือบ 100 %
  • อาการปวดส้นเท้า ทั้ง 2 ข้าง หายไป
  • สามารถลงน้ำหนักเท้าได้เต็มที่ โดยไม่มีอาการเจ็บส้นเท้าแล้ว
  • ไม่ปวดส้นเท้าหลังตื่นนอนแล้ว
  • ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้นานจนถึงปัจจุบัน นานกว่า 4 ปี
กลับสู่สารบัญ

2. ตำแหน่งกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทที่พบปัญหาจากอาการรองช้ำ

จากการตรวจวินิจฉัยพบว่าอาการปวดส้นเท้าจากอาการรองช้ำ เกิดจากการที่ผู้ป่วยต้องเดินตรวจงานเป็นระยะเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้า เกิดอาการเกร็งตัวจากการที่ถูกใช้งานอย่างหนัก ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ เกิดอาการหดเกร็งจนขมวดเป็นก้อนปม หรือที่เรียกว่า ปม trigger point และเมื่อเกิดก้อนปม trigger point มากขึ้น เลือดจะไม่สามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้าได้เต็มที่ เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว จึงเกิดอาการอักเสบอยู่ลึกๆ และเกิดเป็นอาการปวดขึ้น

และหากปม trigger point นี้ ได้หดรัดจนไปรบกวนเส้นประสาทบริเวณรอบข้าง ก็จะทำให้เกิดอาการผิดปกติไปตามแนวเส้นประสาทนั้นๆ และทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวไปตามแนวของฝ่าเท้า เป็นต้น

ซึ่งจะขออธิบายตำแหน่งของกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทที่ส่งผลต่ออาการรองช้ำ ดังนี้

1. กลุ่มเส้นเอ็นบริเวณส้นเท้า ได้แก่

Plantar Fascia หรือ Plantar Aponeurosis

เป็นเส้นเอ็นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ซึ่งช่วยในการกระจายน้ำหนักของฝ่าเท้า และช่วยให้เท้าโค้งงอ เมื่อเอ็นใต้ฝ่าเท้านี้ เกิดการเกร็งตัว หรือบาดเจ็บ จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้า และส้นเท้า

2. กลุ่มกล้ามเนื้อบริเวณส้นเท้า ได้แก่

Flexor Digitorum Brevis of foot

เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่กลางฝ่าเท้า ที่ลากจากส้นเท้าไปจนถึงนิ้วเท้า เป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการงอนิ้วเท้าทั้งสี่นิ้ว ได้แก่ ชี้ กลาง นาง ก้อย เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้เกิดการบาดเจ็บ หรือตึงเกร็ง ก็จะส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการเจ็บบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้า

3. กลุ่มเส้นประสาทบริเวณส้นเท้า ได้แก่

Lateral Plantar nerve

เป็นเส้นประสาทที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า ซึ่งแตกแขนงมาจากเส้นประสาทหน้าแข้ง มีหน้าที่รับความรู้สึกที่ส้นเท้าไปจนถึงปลายนิ้วนาง และก้อยเท้า เมื่อเส้นประสาทนี้ ถูกรบกวน หรือถูกกดทับ ก็จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวด หรือชา บริเวณส้นเท้า

4. เส้นเอ็น บริเวณขาท่อนล่าง

เส้นเอ็นบริเวณขาท่อนล่างด้านหลัง ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “เอ็นร้อยหวาย” ซึ่งจะลากต่อจากบริเวณน่อง ไปจนถึงส้นเท้า เป็นกล้ามเนื้อที่มีส่วนช่วยในการเหยียดปลายเท้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัณในการก้าวเดิน และวิ่ง เมื่อเส้นเอ็นมัดนี้ เกิดตึงเกร็ง หรือบาดเจ็บ จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณส้นเท้าด้านหลังได้

กลับสู่สารบัญ

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการรองช้ำ

อาการรองช้ำ มีได้หลากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักที่พบบ่อย คือ การที่เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อรอบส้นเท้าเกิดการอักเสบ จึงทำให้มีอาการปวด และลงน้ำหนักเท้าได้ไม่เต็มที่ ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อบริเวณส้นเท้าอักเสบ ได้แก่

1. การใส่รองเท้าไม่เหมาะสมกับสรีระของเท้า

อาการรองช้ำ ที่มักจะมีปัญหามาจากรองเท้า จะได้แก่

  • การใส่รองเท้าที่บีบรัดเท้ามากเกินไป
  • การใส่รองเท้าส้นสูงเป็นระยะเวลานานๆ
  • การใส่รองเท้าที่มีพื้นแข็ง และแบน ไม่เหมาะสมกับรูปเท้า

การใส่รองเท้าที่ไม่ถูกกับสรีระร่างกายติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้เท้าถูกบีบรัด หรือถูกกดทับ จนกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นเกิดการตึงเกร็ง และบาดเจ็บขึ้น จนเกิดป็นปม ที่เรียกว่า “Trigger Point” ซึ่งจะส่งผลให้เลือดนำสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณส้นเท้า และกล้ามเนื้อข้างเคียงได้ไม่สะดวก และเกิดเป็นอาการอักเสบลึกๆ บริเวณส้นเท้าขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดเมื่อยบริเวณส้นเท้า หรือมีอาการรองช้ำ

2. การออกกำลังกายแล้วเกิดอาการบาดเจ็บบริเวณส้นเท้า

ได้แก่

  • การวิ่งออกกำลังกาย โดยใช้ส้นเท้ากระแทกลงพื้น
  • การวิ่งออกกำลังกายบนพื้นที่แข็งเกินไป
  • การวิ่งออกกำลังกาย โดยที่รองเท้าไม่เหมาะสมกับการวิ่ง
  • การออกกำลังกาย ที่มีการใช้ฝ่าเท้า หรือส้นเท้าในการรับน้ำหนักมากๆ เช่นการกระโดดดีดตัวขึ้น การรับแรงกระแทกลงพื้น เป็นต้น

การออกกำลังกาย แม้จะทำให้สุขภาพดี แต่หากทำไม่ถูกวิธี ก็สามารถทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ ซึ่งอาการรองช้ำ สามารถพบได้ในนักกีฬา หรือผู้ที่เล่นกีฬาเป็นประจำ และในหลายๆ เคส อาการรองช้ำอาจเป็นปัญหาที่ลุกลามมาจากบริเวณอื่น ซึ่งได้แก่บริเวณน่อง และเอ็นร้อยหวาย คือ เมื่องกล้ามเนื้อของน่อง และเอ็นร้อยหวายเกิดอาการตึงเกร็งมากๆ จะส่งผลดึงรั้งให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบข้าง ซึ่งได้แก่ กล้ามเนื้อบริเวณส้นเท้าเกิดอาการตึงเกร็ง และเกิดอาการปวดตามมาด้วย เป็นต้น

3. การยืนนาน

การยืนในอิริยาบถเดิมเป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกัน จะส่งผลให้น้ำหนักตัวของผู้ป่วยกดทับลงไปที่ส้นเท้า และฝ่าเท้า จนกล้ามเนื้อ และเอ็นบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้าเกิดอาการเกร็งตัว และหดรั้ง จนกลายเป็นก้อน Trigger point ส่งผลให้เลือดไม่สามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้าได้เต็มที่ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอักเสบอยู่ด้านในลึกๆ และเริ่มมีอาการปวดบริเวณส้นเท้า เป็นๆ หายๆ อยู่ตลอด

และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก้อน Trigger point นี้ จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากอาการตึงเกร็งจะเริ่มลุกลามไปยังเส้นเอ็น และมัดกล้ามเนื้ออื่นๆ ที่สัมพันธ์กัน และหากก้อน Trigger point นี้ ได้ไปหนีบ หรือเบียดรบกวนเส้นประสาทบริเวณฝ่าเท้า หรือส้นเท้า ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดร้าวไปตามแนวฝ่าเท้า หรืออาจมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาการชาฝาเท้า หรือส้นเท้า อาการแสบร้อนฝ่าเท้า หรือส้นเท้า หรืออาการมดไต่ เป็นต้น

กลับสู่สารบัญ

ทำไมการนวดสลาย Trigger Point จึงสามารถรักษาอาการรองช้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากหัวข้อก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่า หากเส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อบริเวณส้นเท้า มีอาการเกร็งตัวอยู่เป็นระยะเวลานานจนเกิดการบาดเจ็บ และเกิดเป็นปม trigger point กล้ามเนื้อ และเอ็นบริเวณนั้น จะไม่สามารถได้รับสารอาหาร และออกซิเจนได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นนั้นๆ เกิดอาการล้า อ่อนแอ อักเสบลึกๆ และมีอาการ ตึง ปวด ในที่สุด

ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการตึงเกร็งของกล้ามเนื้อ และเอ็นบริเวณส้นเท้านั้น จะได้แก่ เล่นกีฬา การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับสรีระร่างกาย หรือการยืนนานๆ เป็นต้น

ดังนั้นวิธีที่จะสามารถรักษาอาการรองช้ำได้มีประสิทธิภาพ จะต้องเป็นวิธีที่สามารถกำจัดปม Trigger point ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวด/ตึง/ชาได้ และด้วยวิธีนวดแก้อาการของทางคลินิกนั้น จะโฟกัสการนวดไปที่การสลาย Trigger point บริเวณกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นรอบบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้า ที่ทำให้เกิดอาการปวด ตึง ยึดล็อค เป็นหลัก ซึ่งเป็นการแก้ไขอาการที่รวดเร็ว และตรงจุด โดยไม่ต้องผ่าตัด

โดยเมื่อ Trigger point ถูกสลายออกแล้ว กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้าก็จะคลายตัวอย่างถาวร เลือดก็จะสามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงเซลล์กล้ามเนื้อได้ตามปกติ เนื้อเยื่อที่เคยแข็งเกร็ง ยึดล็อค ก็จะกลับมาเคลื่อนไหวได้เหมือนเดิม อาการปวดเกร็ง และอาการอักเสบก็จะหายไป ผู้ป่วยก็จะกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ และจะไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต สามารถกลับไปออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาได้เต็มที่ โดยไม่มีข้อห้าม หรือข้อจำกัดใดๆ

กลับสู่สารบัญ

ข้อควรรู้ก่อนการนวดสลายTrigger point

การนวดสลาย Trigger point เป็นวิธีการนวดแก้อาการด้วยศาสตร์เฉพาะของทางคลินิก ซึ่งจะแตกต่างจากการนวดไทยทั่วไปอย่างสิ้นเชิง เพราะการรักษาของทางคลินิกจะเน้นกำจัดสาเหตุหลักของอาการรองช้ำได้อย่างถาวร

อย่างไรก็ตามการรักษานี้ ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของความเจ็บขณะนวด ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องเป็นผู้ที่สามารถทนต่อความเจ็บได้ระดับหนึ่ง ซึ่งหากผู้ป่วยสามารถทนเจ็บได้มาก คุณหมอจะสามารถสลาย Trigger Point ออกได้มาก ทำให้สามารถเห็นผลการรักษาที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาอันรวดเร็ว

นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่จะบอกได้ว่าผู้ป่วยจะหายเร็ว หรือช้านั้น คือระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการมา ซึ่งถ้าหากผู้ป่วยเพิ่งเริ่มมีอาการแล้วรีบมารักษา การรักษาจะง่าย และเห็นผลค่อนข้างไว แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ป่วยมีอาการเรื้อรัง หรือปล่อยให้มีอาการเป็นๆ หายๆ มาหลายครั้งโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง การรักษาก็จะยาก และกินเวลานานหลายครั้ง

สำหรับผู้ป่วยที่สนใจมารักษา สามารถอ่านข้อพึงระวังในการรักษา ด้วยวิธีสลายTrigger Point ได้ที่นี่ สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนเข้ารับการรักษา ด้วยวิธีนวดแก้อาการสลาย Trigger point

กลับสู่สารบัญ

บทส่งท้าย

จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า อาการรองช้ำ สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำกิจกรรม หรือกิจวัตรประจำวันที่ทำเป็นประจำ ที่ทำให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นรอบส้นเท้าเกิดการเกร็งตัว แข็งตึง และอักเสบสะสม จนทำให้มีอาการปวดส้นเท้า และกลายเป็นอาการรองช้ำ ได้

ซึ่งหากผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ อาการรองช้ำ ก็จะดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต