ประวัติการเจ็บป่วย
จากประวัติคุณพีรพล อายุ 34 ปี มาเข้ารับการรักษาด้วยอาการปวดขาหนีบ แบบเสียวแปล๊บๆ หน่วงๆ ซึ่งผู้ป่วยมีอาการเป็นๆ หายๆ มาตลอด 10 ปี จากการเล่นกีฬายิงปืน นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีอาการ ปวดหลังล่าง ปวดสะโพกร้าวลงถึงเข่าด้านนอกร่วมด้วย ซึ่งจะขอสรุปอาการของผู้ป่วยมี ดังนี้
- ปวดขาหนีบ เสียวๆ หน่วงๆ
- ปวดหลังล่าง และสะโพก
- ปวดร้าวลงต้นขา ถึงหัวเข่าด้านนอก
- เมื่อแอ่นตัว จะปวดหลังช่วงก้นกบ
- เมื่อก้มตัว จะตึงขาด้านหลัง
ในช่วงที่ผู้ป่วยมีอาการ ผู้ป่วยเคยเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการ
- กายภาพบำบัด 4 ครั้ง
- หลังเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว อาการปวดลดลง แต่กลับมาเป็นอีก ไม่หายขาด
ผู้ป่วยจึงได้ลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาทางเลือกอื่นๆ สำหรับอาการปวดขาหนีบร้าวลงขาใน Facebook จนมาพบกับ ชนัชพันต์คลินิก หลังจากศึกษาข้อมูล ผู้ป่วยจึงตัดสินใจเลือกเข้ารับการรักษา และพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของอาการดังนี้
หลังเข้ารับการรักษาไป 2 ครั้ง :
- ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเกือบ 100 %
- อาการปวดขาหนีบหายไป
- อาการปวดช่วงหลัง และสะโพกหายไป
- ไม่ปวดร้าวลงต้นขา และหัวเข่าด้านนอกแล้ว
- สามารถแอ่นตัวได้ โดยไม่มีอาการปวดช่วงก้นกบ
- สามารถก้มตัวได้ ไม่ตึงขาด้านหลังแล้ว
- ผู้ป่วยสามารถห่างการรักษาได้นานกว่า 2 ปี ก่อนกลับเข้ามารับการรักษาอีกครั้ง ด้วยอาการปวดจากการซ้อมยิงปืน
ตำแหน่งกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทที่พบปัญหาจากอาการปวดขาหนีบร้าวลงขา
อาการปวดขาหนีบร้าวลงขานั้น มักมีต้นเหตุหลักมาจากกล้ามเนื้อบริเวณ ขาหนีบ หลังล่าง และสะโพก เกิดการตึงเกร็งจนเกิดเป็นปม trigger point ซึ่งจะขัดขวางไม่ให้เลือดนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่ ผู้ป่วยจะเริ่มเกิดอาการเมื่อยขาหนีบ หลัง หรือสะโพก เป็นๆ หายๆ
และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวจะหดเกร็ง และบาดเจ็บซ้ำๆ จนร่างกายเริ่มสร้างพังผืดมาเกาะรัด ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ เกิดอาการแข็งเกร็ง ไม่ยืดหยุ่น และอาจเกิดอาการยึดล็อค ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกขัด หรือปวดขาหนีบ หลัง หรือสะโพก บ่อย และถี่ขึ้น
และหากพังผืดนั้นไปเบียด หรือรบกวนเส้นประสาทรอบข้างที่เลี้ยงลงขา เส้นประสาทที่ถูกกดทับนั้น จะไม่สามารถส่งสัญญาณไปเลี้ยงกล้ามเนื้อขาได้เต็มที่ กล้ามเนื้อขาจึงเกิดอาการล้า ตึงเกร็ง ผู้ป่วยจึงมีอาการปวดร้าวลงขา
ซึ่งจะขออธิบายตำแหน่งของกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทที่ส่งผลต่ออาการปวดขาหนีบร้าวลงขา ดังนี้
1. กล้ามเนื้อหลังช่วงล่าง
1.1. กล้ามเนื้อ Longissimus Thoracis
1.2. กล้ามเนื้อ Iliocostalis Lumborum
2. กล้ามเนื้อ และข้อต่อบริเวณสะโพก
2.1 กล้ามเนื้อ Piriformis
2.2 ข้อต่อ SI joint
3. กล้ามเนื้อขาหนีบ
3.1 กลุ่มกล้ามเนื้อ Iliopsoas muscle (กลุ่มกล้ามเนื้องอสะโพก)
3.1.1 กล้ามเนื้อ Psoas Major
3.1.2 กล้ามเนื้อ Iliacus
3.2 กล้ามเนื้อ Rectus Femoris
3.3 กล้ามเนื้อ Pectineus
4. กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณต้นขา
4.1 เส้นเอ็น Iiotibial Band (ITB)
4.2 กล้ามเนื้อ Hamstring (HS)
5. เส้นประสาทที่เกี่ยวข้อง
5.1 เส้นประสาท Femoral nerve
5.2 เส้นประสาท Sciatic nerve
1. กล้ามเนื้อหลังช่วงล่าง
1.1. กล้ามเนื้อ Longissimus Thoracis
เป็นกล้ามเนื้อหลังที่ลากยาวมาตั้งแต่บริเวณบ่าจนถึงหลังล่าง มีหน้าที่ในการพยุงหลังให้ตั้งตรง ซึ่งเมื่อเกิดการตึงเกร็งกล้ามเนื้อมัดนี้ จะส่งผลให้เกิดอาการปวด หรือเมื่อยบริเวณหลังช่วงล่าง
1.2. กล้ามเนื้อ Iliocostalis Lumborum
เป็นกล้ามเนื้อหลังที่อยู่บริเวณกลางหลังถึงหลังล่าง มีหน้าที่ช่วยในการ เอียงตัวไปด้านข้าง และช่วงเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกสันหลัง ซึ่งเมื่อเกิดการตึงเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อชุดนี้ จะส่งผลให้เกิดอาการปวดช่วงบริเวณหลังล่างในการขยับตัว ก้ม แอ่น เอียงซ้ายขวา
2. กล้ามเนื้อ และข้อต่อบริเวณสะโพก
2.1 กล้ามเนื้อ Piriformis
เป็นกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกมัดลึก หรือบางคนจะเรียกว่าจุด “สลักเพชร” มีส่วนช่วยในการหมุนต้นขา ซึ่งเมื่อเกิดการตึงเกร็ง จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณสะโพกตรงจุดสลักเพชร และหากกล้ามเนื้อมัดนี้เกิดการตึงเกร็งจนไปรบกวน หรือหนีบเส้นประสาทที่เลี้ยงลงขา ผู้ป่วยจะมีอาการปวดร้าวลงต้นขา
2.2 ข้อต่อ Sacroiliac ligament (SI joint)
เป็นข้อต่อกระดูกสะโพก และเชิงกราน ซึ่งมีหน้าที่ในการรับน้ำหนักระหว่างร่างกาย และขาส่วนบน เมื่อได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดอาการตึงเกร็งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดช่วงหลังล่างบริเวณก้นกบ เมื่อแอ่นหลังจะปวดบริเวณก้นกบ
3. กล้ามเนื้อขาหนีบ
3.1 กลุ่มกล้ามเนื้อ Iliopsoas muscle (กลุ่มกล้ามเนื้องอสะโพก)
3.1.1 กล้ามเนื้อ Psoas Major
เป็นกล้ามเนื้อที่ลากจากกระดูกสันหลังไปจนถึงกระดูกต้นขา มีส่วนช่วยทำให้ ร่างกายส่วนบน และล่างทำงานสัมพันธ์กัน และช่วยในการงอข้อสะโพก เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้เกิดการตึงเกร็ง จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณหลังล่าง สะโพก และขาหนีบ
3.1.2 กล้ามเนื้อ Iliacus
เป็นกล้ามเนื้อที่ลากจากกระดูกเชิงกรานไปจนถึงกระดูกต้นขา มีหน้าที่ในการงอข้อสะโพก และกางขาออกด้านข้าง ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถงอตัว วิ่ง เดิน หรือ นั่งได้ เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้เกิดการตึงเกร็ง จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณหลังช่วงล่างร้าวลงมาขาหนีบ
3.2 กล้ามเนื้อ Rectus Femoris
เป็นหนึ่งในกลุ่มมัดกล้ามเนื้อ Quadriceps ซึ่งมีจุดเกาะอยู่บริเวณเชิงกรานลากยาวไปจนถึงเหนือข้อเข่า มีส่วนช่วยในการขยับข้อสะโพก เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้เกิดการตึงเกร็ง จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณช่วงขาหนีบ
3.3 กล้ามเนื้อ Pectineus
เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณ ขาหนีบ เป็นกล้ามเนื้อที่มีหน้าที่ช่วยในการงอข้อสะโพก และกางขาออก เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้เกิดการตึงเกร็ง จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณขาหนีบ
4. กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณต้นขา
4.1 เส้นเอ็น Iiotibial Band (ITB)
เป็นเส้นเอ็นที่อยู่บริเวณต้นขาด้านข้าง มีหน้าที่ในการยึดสะโพกกับเข่า และช่วยในการเคลื่อนไหวของสะโพก และเข่า ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการเดิน และวิ่ง เมื่อเกิดการตึงเกร็งจะส่งผลให้เกิดอาการปวดตั้งแต่บริเวณสะโพกร้าวลง ต้นขาไปจนถึงเข่าด้านนอก
4.2 กล้ามเนื้อ Hamstring (HS)
เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณต้นขาด้านหลังตั้งแต่สะโพกด้านล่างไปจนถึงหลังหัวเข่า มีหน้าที่ช่วยในการยกขาไปด้านหลัง และการหมุนข้อสะโพก เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้เกิดการตึงเกร็ง จะส่งผลให้เกิดอาการปวดต้นขาด้านหลัง
5. เส้นประสาทที่เกี่ยวข้อง
5.1 เส้นประสาท Femoral nerve
เป็นเส้นประสาทที่ลากจากกระดูกสันหลัง ส่วน L2-L4 จนถึงบริเวณสะโพก และขาหนีบ ไปจนถึงต้นขาด้านหน้า เมื่อเส้นประสาทชุดนี้ถูกรบกวน หรือถูกกดทับจากกล้ามเนื้อบริเวณหลังที่เกิดการเกร็งตัว จะส่งผลให้เกิดอาการปวดร้าวไปตามเส้นประสาทเข้าบริเวณสะโพก และขาหนีบ
5.2 ประสาท Sciatic nerve
เป็นเส้นประสาทที่อยู่บริเวณหลังล่างตั้งแต่ L4-S3 ลากมาจนถึง ต้นขาด้านหลังลากยาวไปถึงปลายเท้า มีหน้าที่ในการรับความรู้สึกบริเวณขาไปจนถึงปลายเท้า เมื่อเส้นประสาทถูกรบกวน หรือถูกกดทับจากกล้ามเนื้อข้างเคียงที่เกิดการเกร็งตัว จะส่งผลให้เกิดอาการปวดบริเวณต้นขาด้านหลัง ไปถึงบริเวณขาส่วนล่าง
กลับสู่สารบัญสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดขาหนีบร้าวลงขา
อาการปวดขาหนีบร้าวลงขานั้น มักจะเกิดควบคู่กับอาการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อช่วงหลังล่าง และสะโพกร่วมด้วย ซึ่งในผู้ป่วยหลายๆ เคสอาจไม่รู้สึกปวด หรือเมื่อยบริเวณหลัง และสะโพกเลย แต่ถ้าได้มีการตรวจจับกล้ามเนื้อโดยคุณหมอที่ชำนาญ จะพบกว่ากล้ามเนื้อหลัง และสะโพกเกิดการเกร็งตัวอยู่ด้านในลึกๆ และได้มีการเกร็งตัวลุกลามเข้ากล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบ ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดขาหนีบ หรือ มีอาการเสียวๆ หน่วงๆ บริเวณขาหนีบ
อาการปวดขาหนีบร้าวลงขานั้นเป็นภาวะที่มักเกิดจากการที่ผู้ป่วยอยู่ในอิริยาบถที่ไม่ถูกต้องเป็นระยะเวลานานๆ การยกของผิดจังหวะ หรือการออกกำลังกาย/การเล่นกีฬาที่ผิดท่า จนเกิดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบ หลังล่าง และสะโพก และเกิดเป็นปม trigger point ขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ เกร็งเป็นก้อน และไม่คลายตัวออก
นอกจากนี้ อาการปวดขาหนีบร้าวลงขานั้น ยังสามารถเกิดได้จากอุบัติเหตุก้นกระแทกพื้น หรืออุบัติเหตุที่มีการเหวี่ยงสะบัดของกล้ามเนื้อต้นขาด้านในบริเวณขาหนีบ หลังล่าง หรือสะโพก จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณบริเวณขาหนีบ หลังล่าง และสะโพก เกิดการบาดเจ็บ และเกิดมีการสร้างพังผืดเข้ามาเกาะคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้กล้ามเนื้อ และข้อกระดูกบริเวณนั้นๆ เกิดอาการแข็ง ตึง ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น เลือดไม่สามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดการอักเสบอยู่ด้านในลึกๆ ตลอดเวลา ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการตึงเมื่อย ขาหนีบ หลังล่าง สะโพก เป็นๆ หายๆ และในที่สุดจะทรุดหนักจนกลายเป็นปวดตลอดเวลา
และหากพังผืดที่เกาะคลุมเริ่มหนาตัวขึ้นจนไปรบกวนเส้นประสาทบริเวณข้างเคียง ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการผิดปกติร้าวไปตามแนวของเส้นประสาทนั้นๆ เช่น ปวดร้าวลงขา ปวดร้าวลงเข่าด้านนอก เป็นต้น
สาเหตุของการเกิดปวดสะโพกร้าวลงขามีดังนี้
1. การนั่งไม่ถูกอิริยาบถ
การนั่งในท่าที่ไม่ถูกอิริยาบถเป็นระยะเวลานาน เช่น การนั่งไขว่ห้าง การนั่งเอนหลังมากมากๆ บนเก้าอี้ เป็นต้น
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังล่าง และสะโพกเกิดการเกร็งตัวจนกล้ามเนื้อขมวดเป็นปม trigger point ส่งผลให้ เลือดไม่สามารถนำพาออกซิเจน และสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณที่เกิดอาการเกร็งตัวได้เต็มที่ ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ เกิดการอักเสบลึกๆ อยู่ตลอดเวลา และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา กล้ามเนื้อจะเริ่มเกร็งตัวลุกลามไปบริเวณรอบข้าง ซึ่งหากลุกลามเข้ากล้ามเนื้อขาหนีบ ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดขาหนีบ หรือมีอาการเสียวๆ หน่วงๆ ขาหนีบอยู่ตลอดเวลา
2. การได้รับอุบัติเหตุล้มก้นกระแทก หรืออุบัติเหตุที่มีการเหวี่ยงสะบัดขา และข้อสะโพก
การประสบอุบัติเหตุในลักษณะนี้ แม้ว่าผู้ป่วยจะได้มีการทำ X-ray หรือ MRI หลังการเกิดเหตุ และอาจไม่พบว่ามีการเคลื่อน หรือการแตกหักของกระดูกบริเวณสะโพก หรือหลังก็ตาม แต่กล้ามเนื้อบริเวณสะโพก และหลัง มักเกิดการบาดเจ็บไปแล้ว ซึ่งภายในเวลาต่อมาพังผืดจะเริ่มเข้ามาเกาะรัดบริเวณที่มีการบาดเจ็บ และอาจลุกลามไปเรื่อยๆ จนเกิดแรงดึงรั้งกล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวด ตึง รั้ง บริเวณหลัง สะโพก และขาหนีบเป็นๆ หายๆ และหากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการแก้ไข พังผืดจะเกาะตัวหนาขึ้น และปกคลุมไปทั้งบริเวณหลัง สะโพก และขาหนีบ ส่งผลให้เกิดการยึดล็อค ขัด เกร็งปวดแปล๊บตลอดเวลาในบริเวณดังกล่าว
3. การบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย หรือจากการเล่นกีฬา
- การซ้อมกีฬา หรือการออกกำลังกายที่มีการเกร็งสะโพก และหลังในท่าเดิมนานๆ เช่น การทำสควอช เป็นต้น
- การออกกำลังกายที่ต้องมีการใช้สะโพก และต้นขา ในการถีบ หรือเตะตลอดเวลา เช่น เทควันโด เป็นต้น
- การออกกำลังกาย หรือการเล่นกีฬาที่มีการกางขา อ้าขาตลอดเวลา เช่นการเตะฟุตบอล การเล่นยิมนาสติก เป็นต้น
- การเดินทางชั้น หรือการเดินขึ้นเขาที่ต้องมีการก้าวขาขึ้นที่สูงในระยะเวลาติดต่อกันนานๆ
การเล่นกีฬา หรือการออกกำลังกายดังกล่าวสามารถทำให้เกิดอาการบาดเจ็บบริเวณหลัง และสะโพก ซึ่งหากเกิดการบาดเจ็บแล้วปล่อยไว้ จะส่งผลให้เริ่มมีการก่อตัวของพังผืดสะสมเกาะรัดไปที่บริเวณหลัง สะโพก และขาหนีบอยู่เรื่อยๆ จนในที่สุดทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบเกิดอาการแข็ง ยึดล็อค ไม่ยืดหยุ่น เลือดจะไม่สามารถนำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณขาหนีบได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดเป็นการอักเสบ และเกิดอาการปวดตลอดเวลา
4. การยกของหนัก
การยกของหนักนั้นสามารถทำให้เกิดอาการปวดขาหนีบได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อสะโพก และกล้ามเนื้อขาหนีบจะทำงานสัมพันธ์กัน หากกล้ามเนื้อสะโพกทั้ง 2 ข้างได้รับแรงกดจากของที่มีน้ำหนักมากๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อขาหนีบเกิดอาการเกร็งตัว และได้รับการบาดเจ็บ ส่งผลให้เกิดอาการปวดขาหนีบ ซึ่งในช่วงแรกอาหารปวดอาจหายเองได้ แต่หากมีการยกของหนักต่อเนื่องสะสม กล้ามเนื้อขาหนีบจะเกร็งตัวจนเกิดเป็น trigger point และไม่คลายตัวออก ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดขาหนีบอยู่ตลอดเวลา
กลับสู่สารบัญทำไมการนวดสลาย trigger point และพังผืด จึงสามารถรักษาอาการปวดขาหนีบร้าวลงขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากที่กล่าวมาในหัวข้อก่อน จะเห็นว่าหากกล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบ หลังล่าง และสะโพก เกิดการเกร็งตัวจนขมวดเป็นปม ที่เรียกว่า “Trigger Point” ทำให้เลือดไม่สามารถส่งสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงบริเวณขาหนีบ หลังล่าง และสะโพกได้เต็มที่ กล้ามเนื้อบริเวณนั้นๆ จะเกิดการเกร็งตัว และอักเสบอยู่ตลอดเวลา ผู้ป่วยจะมีอาการปวด ตึงรั้ง ขาหนีบ หลัง และสะโพกตลอดเวลา
หากกล้ามเนื้อบริเวณหลัง หรือสะโพกเกิดอาการตึงเกร็งจนเกิดเป็นพังผืดไปบีบรัดเส้น หรือรบกวนประสาทที่เลี้ยงเข้าขาหนีบ และเส้นประสาทที่เลี้ยงลงขา ผู้ป่วยจะผิดปกติไปตามแนวของเส้นประสาทนั้นๆ ซึ่งในเคสนี้คือมีอาการปวดร้าวเข้าขาหนีบ เสียวๆ หน่วงๆ ขาหนีบ และปวดร้าวลงขา
การรักษาอาการปวดขาหนีบร้าวลงขาที่ได้ผลดีที่สุด คือการขจัด Trigger Point และ พังผืดที่เป็นต้นเหตุของอาการปวดขาหนีบร้าวลงขา ซึ่งจะเป็นการรักษาที่ตรงจุด และให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว โดยไม่ต้องผ่าตัด
เมื่อ Trigger Point และ พังผืดถูกสลายออก กล้ามเนื้อบริเวณขาหนีบ หลังล่าง และสะโพก จะคลายตัว เลือดจะไหลเวียนได้ดีขึ้น นำพาสารอาหาร และออกซิเจนไปฟื้นฟูกล้ามเนื้อ มัดกล้ามเนื้อต่างๆ ที่เคยแข็งตึงจะกลับมาเคลื่อนไหวได้ตามปกติ อาการปวด และอักเสบจะหายไป ผู้ป่วยจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ และไม่มีอาการกลับมาปวดซ้ำๆ นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถกลับไปออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ
ข้อควรรู้ก่อนการนวดสลาย Trigger Point และ พังผืด
การนวดสลาย Trigger Point และ พังผืดเป็นวิธีการรักษาที่ใช้เทคนิคเฉพาะของทางคลินิก ซึ่งจะแตกต่างจากการนวดไทยทั่วไปอย่างมาก เนื่องจากการนวดของทางคลินิกจะเน้นการแก้ไขที่ต้นเหตุของอาการปวดขาหนีบร้าวลงขา เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม การนวดด้วยวิธีนี้มีข้อเสียคือ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บค่อนข้างมากขณะทำการรักษา เนื่องจากตัวพังผืด และ trigger point นั้น มีความแข็ง และเหนียว ดังนั้นผู้ป่วยที่ต้องการรักษาอาการปวดขาหนีบร้าวลงด้วยวิธีการนี้ จะต้องเป็นผู้ที่สามารถทนความเจ็บได้ ซึ่งหากผู้ป่วยสามารถทนเจ็บ และเข้ารับการรักษาจนพังผืด และ trigger point ถูกสลายออกได้จนเกือบทั้งหมด อาการของผู้ป่วยจะดีขึ้นได้อย่างถาวร และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคต
อีกปัจจัยที่มีผลต่อความเร็วในการฟื้นตัว คือระยะเวลาที่มีอาการ และความหนักเบาของโรคที่ผู้ป่วยเป็น หากเข้ารับการรักษาตั้งแต่เพิ่งเริ่มมีอาการ การรักษาจะง่าย และได้ผลไว แต่ในกรณีที่อาการเรื้อรัง หรืออาการปวดนั้นๆ เคยเกิดขึ้นซ้ำๆ บ่อยๆ โดยไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จะทำให้การรักษาต้องใช้เวลานาน และหลายครั้งมากขึ้น
ผู้ที่สนใจรักษาสามารถศึกษา ข้อควรระวังของการนวดสลาย trigger point และพังผืด เพิ่มเติมได้ ที่นี่ สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนเข้ารับการรักษา ด้วยวิธีนวดแก้อาการสลาย Trigger point
กลับสู่สารบัญบทส่งท้าย
อาการปวดขาหนีบร้าวลงขาสามารถเกิดขึ้นได้จากกิจวัตรประจำวัน การเล่นกีฬา การประสบอุบัติเหตุ หรือ การยกของหนัก ที่ทำให้กล้ามเนื้อขาหนีบ หลังล่าง และสะโพก เกิดการเกร็ง และแข็งตึงจนกลายเป็นอาการปวด และอักเสบ
ซึ่งหากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้องในระยะเริ่มต้น การรักษาจะทำได้ง่าย และรวดเร็ว เห็นผลไว และชัดเจน และดีขึ้นได้ยาวนานกว่าถ้าเทียบกับการรักษาโดยทั่วๆ ไป