กระดูกคอทับเส้นประสาทคืออะไร
กระดูกคอทับเส้นประสาท เป็นภาวะที่พบเจอได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันนี้ เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งในอดีตนั้น เราจะพบผู้ที่มีปัญหากระดูกคอทับเส้นประสาทมาก ในผู้ที่ทำงานใช้ร่างกายหนักๆ เช่น ทำไร่ ทำนา แบกหาม ยกของหนัก เป็นต้น แต่ในปัจจุบันเนื่องจากมีเทคโนโลยี และอินเตอร์เน็ตเข้ามาเกี่ยวข้อง
ทำให้อิริยาบถของผู้คนในแต่ละวัน จะเกี่ยวข้องกับการนั่งทำงานหน้าคอม และการใช้มือถือตลอดทั้งวัน ทั้งจากการทำงาน การเล่นเกมส์ หรือการดูสื่อต่างๆ ซึ่งการอยู่ในอิริยาบถดังกล่าวเป็นระยะเวลานานๆ สามารถนำพาไปสู่ภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาทได้
โดยกระดูกคอทับเส้นประสาท สามารถเรียกได้หลายแบบทั้ง กระดูกคอเคลื่อน หมอนรองกระดูกคอปลิ้น หรือ หมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท ซึ่งการที่สามารถเรียกได้หลายแบบนั้น เพราะจะเรียกตามปัญหาที่เกิดขึ้นแบ่งได้ดังนี้
ความผิดปกติของตัวกระดูกสันหลัง
- กระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท คือ ตัวกระดูกเคลื่อนที่ หรือบิด/เบี้ยวไปจากตำแหน่งเดิม จนไปกดทับเส้นประสาท
ความผิดปกติของหมอนรองกระดูก สามารถเรียกได้หลายแบบ เช่น
- หมอนรองกระดูกเคลื่อน เกิดจาก ตัวหมอนรองกระดูกเคลื่อนตำแหน่งออกไปจากแนวเดิม จนไปกดทับเส้นประสาท
- หมอนรองกระดูกปลิ้น เกิดจาก หมอนรองกระดูกถูกบีบจนปลิ้นออกแนวข้างของกระดูกสันหลัง จนไปกดทับเส้นประสาท
- หมอนรองกระดูกทรุด/ยุบ เกิดจาก หมอนรองกระดูกถูกบีบจากกระดูกข้อบน และข้อล่างจนช่องว่างระหว่างกระดูกเคลื่อนมาชิดกัน ทำให้เกิดการกดทับของเส้นประสาท
ซึ่งการเรียกนั้นจะขึ้นอยู่กับพยาธิสภาพ และการวินิจฉัยของแพทย์ จึงทำให้ผู้ป่วยหลายท่านเกิดความสับสนต่อตัวโรคที่ตนเองเป็นอยู่ แต่แม้ว่าจะเรียกต่างกัน แต่ปัญหาหลักๆ คือการกดทับของเส้นประสาทบริเวณคอเหมือนกัน ผู้ป่วยจึงมีอาการหลักๆ ที่คล้ายกันคือ อาการปวดคอ ปวดร้าวลงแขน ชาแขน ชานิ้วมือ ในบางท่านอาจมีอาการ แขนอ่อนแรง ขาอ่อนแรง ร่วมด้วย ซึ่งจะมีความรุนแรงแตกต่างกันไปตามจุดกดทับของเส้นประสาทนั้นๆ
กลับสู่สารบัญอาการกระดูกคอทับเส้นประสาท
อาการของกระดูกคอทับเส้นประสาทที่พบหลักๆ จะได้แก่ อาการปวดคอ ร่วมกับการปวดร้าวหรือชาไปตามแนวเส้นประสาทที่ถูกกดทับ ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้
- อาการปวดต้นคอ ปวดแขน แขนชา นิ้วมือชา หรือบางรายที่มีการกดทับของเส้นประสาทเป็นเวลานาน ก็จะมีอาการแขนอ่อนแรง และแขนลีบตามมาได้ โดยอาการนี้เป็นอาการที่พบได้มากที่สุด ในผู้ที่มีภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท
- อาการปวดต้นคอปวดร้าวขึ้นศีรษะ มึนหัว ปวดหัว ไมเกรน หรือบางรายที่อาการหนักขึ้น ก็อาจจะมีอาเจียน บ้านหมุนร่วมด้วยได้
- อาการผิดปกติอื่นๆ ของกล้ามเนื้อ และเส้นประสาทบริเวณข้างเคียงของต้นคอร่วมด้วยได้ เช่น อาการปวดร้าวลงสะบัก ปวดหลังช่วงบน อาการปวดเข้าหน้าอก จุกเสียด หายใจไม่อิ่ม หรืออาจมีอาการไฟช็อต แสบร้อน เข็มแท่ง ในบริเวณดังกล่าวร่วมด้วย
- ในผู้ป่วยบางท่านอาจมีอาการชาขา ขาอ่อนแรง (ข้างเดียวกับแขน) ร่วมด้วย
สาเหตุ และพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระดูกคอทับเส้นประสาท
เมื่อมีอาการปวดบริเวณต้นคอร่วมกับอาการปวดแขน ชาแขน กว่า 90% ผู้ป่วยมักจะมีภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาทนั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุร่วมกัน ดังนี้
- จากพฤติกรรม การนอนหมอนสูง นอนในท่าที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้กล้ามเนื้อคอแข็งเกร็ง และเกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่อง เพราะระยะเวลาในการนอนเฉลี่ยนั้นจะอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง ดังนั้นการอยู่ในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นระยะเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการเกร็งตัว และอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณคอบ่ามากขึ้นเรื่อยๆ
- จากการทำงานโดยเฉพาะงานที่มีการแบกหาม ยกของหนักพาดบ่า จะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณต้นคอ บ่าเกิดการบาดเจ็บได้
- จากการทำงานอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานหน้าคอม โดยระดับสายตาไม่พอดีกับหน้าจอ ทำให้ต้องก้ม หรือเงยคอมากเกินไป รวมถึงการก้มหน้าเล่นมือถือตลอด จะทำให้กล้ามเนื้อคอ บ่าเกิดการเกร็งตัว และสะสมอาการบาดเจ็บไปเรื่อยๆ จากพฤติกรรมการทำงานในทุกๆ วัน
- อุบัติเหตุบริเวณต้นคอ ที่พบได้บ่อย คือ อุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นการชน การโดนชน หรือการเบรคแรงๆ กระทันหัน เพราะขณะเกิดอุบัติเหตุจะเกิดแรงกระชากของต้นคออย่างรุนแรง ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอเกิดการบาดเจ็บอย่างฉับพลัน และอาจส่งผลต่อตัวข้อกระดูกคอโดยตรง
ซึ่งในผู้ป่วยหลายๆ ท่านอาจมีอาการคอเคล็ดหลังจากอุบัติเหตุแล้ว อาการอาจหายไปเองในภายหลัง ผู้ป่วยจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่อาการปวดคอจะเริ่มทรุดหนัก และรุนแรงขึ้นในอนาคต ซึ่งในบางท่านอาจใช้เวลาหลายปี กว่าจะทราบว่าตนเองอยู่ในภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท
นอกจากนี้อุบัติเหตุ ยังรวมไปถึงการได้รับแรงกระแทกบริเวณคอในทุกรูปแบบ เพราะเมื่อต้นคอได้รับแรงกระแทก หรือการสะบัดกระชาก ก็จะเกิดการบาดเจ็บได้ เช่นเดียวกันกับอุบัติเหตุทางรถยนต์
กลไกการเกิดโรคกระดูกคอทับเส้นประสาท
ภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาทนั้น จะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็นบริเวณต้นคอ ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุ หรือพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ดังที่กล่าวมาในข้างต้น ส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณต้นคอ บ่า หรือสะบัก เกิดการอักเสบตามมา ซึ่งอาการอักเสบจะแสดงออกมาในลักษณะอาการปวด เมื่อย เคล็ด
โดยเมื่อเกิดการอักเสบขึ้นแล้ว ร่างกายจะสร้าง “พังผืด” ขึ้นมาเกาะคลุมบริเวณที่มีการอักเสบ เพื่อพยายามจะซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บ แต่ในหลายครั้งๆ พังผืดที่ร่างกายสร้างขึ้นมานั้น ได้ไปยึดเกาะคลุมเนื้อเยื่อ ซึ่งได้แก่ มัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อกระดูก จนทำให้เกิดความแข็งตึง ยึดล็อค ไม่สามารถขยับหดคลายตัวได้ตามปกติ ทำให้กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นขาดความยืดหยุ่น เกิดการตึงรั้งขณะเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ พังผืดยังไปขัดขวางไม่ให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก อาการอักเสบจึงยังไม่หายไป และเกิดเป็นอาการปวดคอ บ่า ไหล่ขึ้น หรือทำให้การขยับคอหัน-ก้ม-เงย-เอียง-ได้น้อยลง จากความยึดรั้งของพังผืดในมัดกล้ามเนื้อ หรือเส้นเอ็นบริเวณต้นคอนั่นเอง
แต่หากถ้าพังผืดนั้นได้เข้าไปยึดเกาะบริเวณ ข้อต่อ หมอนรองกระดูกคอ หรือกระดูกคอ จะทำให้เกิดการดึงรั้งระหว่างตัวข้อกระดูกด้วยกันเอง หรือระหว่างกระดูกคอ และกล้ามเนื้อที่อยู่รอบข้าง ทำให้กระดูกคอเคลื่อนออกมากดทับเส้นประสาท หรือ กระดูกถูกดึงบีบเข้าหากันจนหมอนรองกระดูกปลิ้นออกมา และไปกดทับเส้นประสาท จึงเกิดภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาทได้ในที่สุด
โดยเส้นประสาทบริเวณคอนั้น จะแตกแขนงออกไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหลายส่วน เช่น บริเวณแขน สะบัก ศีรษะ หรือหน้าอก เมื่อเส้นประสาทชุดใดชุดหนึ่งถูกกดทับ ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าว ชา หรือเกิดอาการผิดปกติไปตามแนวเส้นประสาทนั้น เพราะฉะนั้นจึงเกิดเป็นอาการปวดร้าวลงแขน แขนชา มือชา ปวดสะบัก หายใจไม่สุด หายใจไม่อิ่ม หายใจแล้วเสียด ปวดขึ้นหัว ปวดศีรษะ เป็นต้น
นอกจากนี้หากเส้นประสาทที่ถูกกดทับมีการอักเสบร่วมด้วย จะทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการผิดปกติของเส้นประสาทได้ เช่น อาการแปล๊บ ไฟช็อต แสบร้อน ยิบๆ เข็มแทง เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นได้ว่าพังผืดนี้เองที่เป็นปัญหาหลักของทุกอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการรักษาอย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ การกำจัดพังผืดออกไป
การรักษากระดูกคอทับเส้นประสาทในปัจจุบัน
การรักษาอาการกระดูกคอทับเส้นประสาทนั้นในปัจจุบันมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับหมอที่ทำการรักษา ซึ่งอาจจะมีเทคนิค และวิธีการที่แตกต่างกันไปในแต่ละที่ ซึ่งในบทความนี้เราจะแบ่งการรักษากระดูกคอทับเส้นประสาทในปัจจุบันเป็นการรักษาหลักๆ ดังนี้
1. การรักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน คือการรักษาตามโรงพยาบาล รักษากับหมอแผนปัจจุบัน ซึ่งวิธีรักษาโรคกระดูกคอทับเส้นประสาทหลักๆ ก็จะเป็นการผ่าตัด เลเซอร์ ซึ่งจะมีการใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยในการวินิจฉัย และรักษา ซึ่งการรักษามีทั้งการผ่าตัดเล็ก พักฟื้นตัวไม่นาน ตลอดจนถึงการผ่าตัดใหญ่ เช่น การผ่าเพื่อเปลี่ยนข้อกระดูก เสริมเหล็ก เป็นต้น
โดยจะขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้รักษา ซึ่งวิธีการรักษาด้วยการผ่านั้นเป็นการรักษาที่เป็นที่ยอมรับในทางสากล แต่มักจะเป็นทางเลือกท้ายๆ เนื่องจากทุกการผ่าตัดมีความเสี่ยงเสมอ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นหากอาการยังไม่ทรุดหนักมากๆ แพทย์มักจะยังไม่แนะนำให้ผ่าตัด
2. กายภาพบำบัด ก็เป็นการรักษาโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทา และรักษาอาการในผู้ที่เพิ่งเริ่มมีอาการได้ค่อนข้างดี แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการระดับปานกลางถึงรุนแรง มักจะไม่ค่อยตอบสนองกับการทำกายภาพบำบัดมากนัก ซึ่งวิธีที่ใช้ในการทำกายภาพบำบัดจะได้แก่ การใช้เครื่องดึงคอ การใช้เครื่อง Ultrasound , Shock wave การทำ Laser เป็นต้น ซึ่งนักกายภาพบำบัดจะเป็นคนพิจารณา และเลือกรักษาให้ตามอาการของผู้ป่วยในแต่ละท่าน
3. แพทย์ทางเลือก จะมีหลากหลายการรักษา แต่ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจะได้แก่
- แพทย์แผนไทย ซึ่งจะรักษาด้วยวิธีการนวด แต่การนวดจะมีหลายรูปแบบทั้งการนวดบรรเทาอาการ การนวดแก้อาการ การนวดสลายพังผืด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการรักษาของที่นั้นๆ ว่ามีรูปแบบการรักษาในลักษณะใด
- การจัดกระดูก ใช้การรักษาด้วยการบิด ดัด จัดกระดูก เพื่อให้กระดูกที่เคลื่อนกลับเข้าตำแหน่งเดิม
- แพทย์แผนจีน มีการรักษาด้วยการฝังเข็ม ครอบแก้ว กัวซา ซึ่งจะทำการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน หลักการรักษาเพื่อช่วยกระตุ้นให้เลือดไหวเวียนสะดวกขึ้น
ซึ่งในแต่ละการรักษาก็จะมีหลักการ และวิธีการที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ผู้ป่วยควรศึกษาข้อมูลประกอบการพิจารณา เพื่อเลือกการรักษาที่ตนเองพึงพอใจ และเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับตัวผู้ป่วยเอง
รีวิวการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม
หากไม่อยากผ่าตัด ต้องรักษาด้วยวิธีไหน
ในผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท และไม่ต้องการรักษาด้วยการผ่าตัดนั้น สามารถทำได้ เพราะการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกในปัจจุบัน สามารถรักษาได้อย่างคอนข้างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการรักษาด้วยวิธีการนวดสลายพังผืด
จากที่บทความนี้ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ถึงกลไกที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท จะเห็นได้ว่าต้นเหตุหลักจริงๆ แล้วก็คือ พังผืด เพราะพังผืดคือตัวที่ไปเกาะดึงรั้งมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อกระดูกจนเคลื่อนหรือผิดไปจากแนวเดิม จนไปทับเส้นประสาทบริเวณรอบๆ จนทำให้เกิดอาการปวดคอร้าวลงแขน แขนชา นิ้วชา
ดังนั้นการรักษาใดๆ ก็ตามที่สามารถกำจัดหรือสลายพังผืดออกไปได้ จะเป็นการรักษาที่ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันการรักษาที่เน้นสลายพังผืดออกนั้น จะมีด้วยกัน 2 วิธี คือ การผ่าตัด ซึ่งหมอจะผ่าเลาะพังผืดที่ยึดเกาะออก และอีกวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดคือ การนวดสลายพังผืด ซึ่งเราจะมาอธิบายกันว่า การนวดสลายพังผืดนี้เป็นอย่างไร ทำไมจึงรักษาอาการกระดูกคอทับเส้นประสาทได้
การนวดสลายพังผืดนั้น เป็นศาสตร์การนวดเฉพาะที่แตกต่างจากการนวดไทยอย่างสิ้นเชิง โดยการนวดสลายพังผืดของทางคลินิก จะเริ่มจากการจับเพื่อคลำมาพังผืด และจะมีการใช้ไม้เล็กๆ กดคลึงเพื่อให้พังผืดคลายตัว และสลายออก ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้ จะต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ของหมอผู้รักษาเป็นอย่างมาก และในปัจจุบันนี้มีหมอจำนวนน้อยมาก ที่สามารถแยกแยะได้ว่าพังผืดอยู่บริเวณไหน และที่รู้วิธีในการนวดคลายพังผืดที่เหนียวให้สลายออก
ข้อดีของการนวดสลายพังผืดกับการรักษาทั่วไป
เป็นการรักษาจากต้นเหตุหลัก เช่นเดียวกับการผ่าตัดเลาะพังผืดออก แต่มีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการผ่าตัดหลายเท่า รวมไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ร่างกายได้ปกติ ทำงานได้ดังเดิม และความเสี่ยงที่น้อยกว่าการผ่าตัดค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ การนวดสลายพังผืดนั้น สามารถทำให้ครั้งละหลายตำแหน่งในครั้งเดียว เช่น คอ บ่า ไหล่ สะบัก แขน มือ นิ้วมือ แต่การผ่าตัดนั้น จะสามารถทำได้เพียงทีละ 1 ตำแหน่งเท่านั้น ไม่สามารถผ่าหลายๆ ตำแหน่งในครั้งเดียวได้ จึงเป็นข้อดีทำให้ผู้ป่วยหลายท่านเลือกที่จะรักษาด้วยการนวดสลายพังผืด เพราะสามารถรักษาได้ครอบคลุมเป็นบริเวณกว้างมากกว่า
การนวดสลายพังผืด สามารถรักษาได้ครอบคลุมทั้งในมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หมอนรองกระดูก และเส้นประสาท ซึ่งจะแตกต่างจากการรักษาทั่วไป ที่เน้นรักษาเพียงเนื้อเยื่อประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น เช่น การนวดไทยที่เน้นช่วยให้กล้ามเนื้อชั้นตื้นคลายตัว กระตุ้นการไหลเวียนเลือด, การจัดกระดูก ที่เน้นเฉพาะการบิดดัดกระดูกให้เข้าที่, การฝังเข็ม ครอบแก้ว ที่เน้นช่วยให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก เพื่อช่วยลดของเสียที่คั่งค้างในกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการกระดูกคอทับเส้นประสาทนั้น มักไม่ได้มีปัญหาแค่เพียงกระดูก หรือหมอนรองกระดูกอย่างเดียว แต่จะมีปัญหาทั้ง กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นประสาทรวมกัน ดังนั้นการรักษาแค่เพียงกล้ามเนื้ออย่างเดียว หรือกระดูกอย่างเดียว จะไม่สามารถทำให้อาการหายถาวรได้
เพราะถ้ารักษาแต่เรื่องกระดูก โดยการจัดกระดูกให้เข้าที่ แต่ไม่ได้กำจัดพังผืดที่ยังคงดึงรั้งระหว่างข้อกระดูกกับกล้ามเนื้ออยู่ พังผืดก็จะยังคงดึงรั้งให้ข้อกระดูกที่ถูกจัดไปแล้วเคลื่อนที่ออกมาอีก นี่คือสาเหตุว่าทำไมผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาทในหลายๆ เคส ถึงไม่ตอบสนองต่อการจัดกระดูกนั่นเอง
ดังนั้นการรักษาด้วยการนวดสลายพังผืด จึงสามารถรักษาได้ครอบคลุม เพราะจะเน้นสลายพังผืดในทุกเนื้อเยื่อ ไม่ว่าจะเป็นในชั้นมัดกล้ามเนื้อ ข้อต่อ หรือเส้นประสาท ผู้ป่วยที่รักษาด้วยการนวดสลายพังผืดจึงมีอาการดีขึ้นอย่างถาวร และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีก เพราะต้นเหตุหลักได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว
การรักษาด้วยการนวดสลายพังผืด มีความปลอดภัยสูงมาก เพราะจะนวกรักษาเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาเป็นบริเวณๆ ไป และจะไม่มีการดึง ดัด บิด หัก กระชากใดๆ ที่จะนำพาอันตรายมาสู่ร่างกายผู้ป่วยทั้งสิ้น
ข้อเสียของการนวดสลายพังผืด
เนื่องจากการรักษาด้วยการนวดสลายพังผืดนี้ จะเน้นไปที่ต้นเหตุ และมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยหายอย่างถาวรเป็นหลัก การรักษาจึงจะค่อนข้างลึก และมีความเจ็บเกิดขึ้นขณะทำการรักษา เนื่องจากจุดที่มีพังผืดยึดเกาะ เป็นจุดที่มีการอักเสบค้างอยู่ภายใน คุณหมอจำเป็นจะต้องคลึงบริเวณนั้นเพื่อให้พังผืดคลายตัว เมื่อพังผืดสลายออก การอักเสบที่อยู่ด้านในจะหายไปด้วย ซึ่งหลังการรักษา อาจจะมีรอยฟกช้ำเกิดขึ้น ดังนั้นการรักษานี้ จะเหมาะกับผู้ที่ทนความเจ็บได้เท่านั้น
กลับสู่สารบัญบทส่งท้าย
ผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะกระดูกคอทับเส้นประสาท และมีอาการปวดคอร้าวลงแขน ชาแขน ชานิ้ว คือผู้ที่อาจจะเคยปล่อยปละละเลยอาการปวดคอเล็กๆ น้อยๆ ที่มีมาในอดีต หรืออาจจะเคยรักษาอาการปวดคอมาแบบไม่ตรงจุด จนตอนนี้อาการได้ทรุดหนักลงมากขึ้น และรักษายากขึ้น เพราะอาการกระดูกคอทับเส้นประสาทนั้น ไม่ใช่ภาวะที่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นภาวะที่ร่างกายบาดเจ็บสะสมมานาน จนกลายเป็นอาการที่ค่อนข้างรุนแรง
ในผู้ที่ทนความเจ็บได้ และยังไม่อยากเข้ารับการผ่าตัด การนวดสลายพังผืดสามารถช่วยรักษาให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้น และกลับมาใช้ร่างกายได้เหมือนปกติตามเดิม และไม่กลับมาเป็นซ้ำๆ อีกในอนาคตได้ ส่วนผู้ที่ทนความเจ็บไม่ค่อยได้ อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดแทน
ทั้งนี้ผู้ป่วยควรศึกษาข้อมูลการรักษาให้ละเอียดก่อนเข้ารับการรักษาไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อตัวผู้ป่วยเอง