ประวัติการเจ็บป่วย และผลการรักษา
คุณศักดิ์ชัย เป็นพนักงานขับรถส่งของ ซึ่งลักษณะงานจะเป็นการนั่งนานๆ ในแต่ละวัน และมีการยกของหนักอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้มีอาการดังนี้
- ปวดหลังส่วนล่าง ปวดร้าวลงขาข้างซ้าย
- นั่งนานไม่ได้ เพราะอาการปวดจะรุนแรงมากขึ้น จึงนั่งขับรถไม่ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานค่อนข้างมาก
- เดินนานก็ไม่ได้เช่นกัน และขณะเดินตัวจะเอียงไปด้านขวา เนื่องจากอาการปวดหลังข้างซ้าย ทำให้ร่างกายพยายามหลีกเลี่ยงการใช้งานหลังข้างซ้าย และเทน้ำหนักลงที่หลังข้างขวาแทน ผู้ป่วยจึงมีลักษณะอาการหลังเอียงไปทางขวาขณะเดิน
โดยผู้ป่วยมีอาการสะสมเรื้อรังมานานมากกว่า 1 ปี จากประวัติผู้ป่วยได้เคยรักษาที่คลินิกแพทย์ออโธปิดิกต์ ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางที่รักษาอาการความผิดปกติของกระดูก ข้อต่อ เส้นเอ็น และกล้ามเนื้อต่างๆ โดยรักษาต่อเนื่องมานานกว่า 1 ปี ด้วยการทานยา ฉีดยา แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้มารักษาที่ชนัชพันต์คลินิก ซึ่งได้ผลการรักษาดังต่อไปนี้
- มารักษาครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562
หลังการรักษาผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น โดยนั่งนานได้ปกติแล้ว เดินได้ไกลขึ้น หลังเอียงน้อยลงขณะเดิน สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ อาการดีได้นานกว่า 8 เดือน แต่ยังคงมีอาการปวดหลังร้าวลงขาข้างซ้ายอยู่บ้าง จึงได้มารักษาต่อ
- มารักษาครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562
ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นนานเกือบ 1 ปี โดยอาการที่เหลือจะมีแค่อาการปวดขณะเดินนานๆ ไกลๆ ซึ่งอาการปวดที่เกิดขึ้นก็สามารถหายได้เองเมื่อได้นั่งพัก แต่เนื่องจากช่วงก่อนนี้นี้ 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยได้มีการขับรถทางไกลเป็นเวลานานติดต่อกันหลายวัน เลยเริ่มกลับมามีอาการปวดอีก แต่จะเป็นอาการปวดหลังร้าวลงขาข้างขวาแทน รวมถึงเริ่มรู้สึกว่าหลังกลับมาเอียงเล็กน้อย ผู้ป่วยจึงได้เข้ามารักษาอีกครั้ง
- มารักษาครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563
หลังจากการรักษาในครั้งนี้ ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นใช้ชีวิตได้ปกติ สามารถกลับไปทำงาน นั่งขับรถ นั่งนาน เดินนานได้ โดยไม่มีอาการปวดใดๆ
***ผลการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล***
ตำแหน่งที่พบปัญหาในเคสของผู้ป่วย
สำหรับอาการของผู้ป่วยที่เป็นแจ้งมา พบว่ามีความผิดปกติของกระดูกสันหลัง หรือที่เรียกว่า ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดหลังส่วนล่าง และปวดร้าวลงขา ซึ่งอาการปวดร้าวลงขาที่เกิดขึ้นนั้น บ่งบอกว่ามีการรบกวนการทำงานของเส้นประสาท Sciatic เกิดขึ้น
ดังนั้นจุดที่ต้องรักษาจะเป็นข้อต่อ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น รวมถึงตามแนวเส้นประสาทที่มีปัญหา ซึ่งในแต่ละบุคคลจะมีปัญหาแตกต่างกันไป และมีอาการรุนแรงมากน้อยแตกต่างกันออกไปด้วย โดยอาการของผู้ป่วยเคสนี้ พบจุดที่มีปัญหาดังนี้
1. กล้ามเนื้อบริเวณข้อต่อกระดูกสันหลังช่วง L1-L5 ที่มีพังผืดยึดรั้ง ทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ผิดรูป ผิดตำแหน่ง และเกิดการกดทับเส้นประสาท ส่งผลให้เกิดการปวดหลัง และปวดร้าวลงขา บริเวณข้างหน้าแข้ง
2. กล้ามเนื้อบริเวณก้น สะโพก ที่มีอาการเกร็งตัว ตึงเครียด ซึ่งเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อบริเวณหลังที่ผิดปกติ เกิดการกดทับเส้นประสาท Sciatic ส่งผลให้เกิดอาการปวดก้นขณะนั่ง และปวดร้าวลงขาบริเวณน่อง
- Gluteus maximus
- Gluteus medius
- Gluteus minimus
- Piriformis
3. กล้ามเนื้อบริเวณขา ที่มีอาการเกร็งตัว
- กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง Hamstring
- กล้ามเนื้อน่อง Gastrocnemeus
ทำไมการนวดสลายพังผืด และ trigger point จึงสามารถรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนอื่นเราจะขออธิบายสาเหตุหลัก ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังร้าวลงขา ซึ่งจากในเคสของคุณศักดิ์ชัยนั้น การนั่งขับรถเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลัง และขา เกิดการเกร็งตัวจนกลายเป็นก้อนปมที่เรียกว่า trigger point แทรกตัวอยู่ตามมัดกล้ามเนื้อในบริเวณที่เกิดการเกร็งตัว และจะไปขัดขวางการไหลเวียนเลือด ให้ไม่สามารถนำสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณนั้นได้ตามปกติ เกิดของเสียคั่งค้างอยู่ภายในเซลล์กล้ามเนื้อ จึงทำให้มีอาการปวดกล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อขาขึ้น
นอกจากนี้การที่ผู้ป่วยมีการยกของหนักอยู่เสมอๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อ และข้อต่อบริเวณหลังเกิดการบาดเจ็บขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อ และข้อต่อมีพังผืดไปเกาะคลุม จนแข็ง ยึดล็อค เกร็งตัว ไม่ยืดหยุ่น และหากมีการออกแรงใช้กล้ามเนื้อเพิ่ม ก็ยิ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำได้ง่าย เมื่อรางกายเกิดการบาดเจ็บซ้ำๆ
พังผืดที่เกาะจะค่อยๆ หนาขึ้นจนเข้าไปยึดเกาะมัดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นที่ชิดแนวกระดูกสันหลัง เกิดการดึงรั้งของข้อต่อกระดูก ส่งผลให้ข้อกระดูกเคลื่อนที่ผิดรูป หรือผิดตำแหน่ง และเกิดการกดทับเส้นประสาทบริเวณรอบข้าง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหลังร้าวลงขา หรือมีอาการชาร่วมด้วยได้ และกลายเป็นอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้ในที่สุด
จากข้างต้นแสดงให้เห็นว่า trigger point และพังผืด คือ ต้นเหตุที่แท้จริงที่ทําให้เกิดอาการปวดหลังร้าวลงขา ดังนั้นการรักษาที่จะมีประสิทธิภาพ และให้ผลการรักษาที่ดีขึ้นถาวรนั้น จะต้องเป็นการรักษาที่กําจัด trigger point และ พังผืดออกไป การนวดสลายพังผืด จึงเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพราะจะเน้นการแก้ปัญหาจากต้นเหตุ เน้นสลายพังผืดที่ยึดเกาะตามมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ และเส้นประสาทออก
มีวัตุประสงค์เพื่อรักษาอาการปวด ตึง ชา อ่อนแรง ให้ดีขึ้นอย่างถาวร และไม่กลับมาเป็นซ้ําอีกในอนาคต การนวดแก้อาการด้วยการสลายพังผืด และ trigger point นี้ จะแตกต่างจากการนวดแผนไทยโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการนวดแผนไทย จะเน้นไปที่การคลายกล้ามเนื้อชั้นบนๆ เพียงชั่วคราว ไม่สามารถกำจัดพังผืด และ trigger point ในมัดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือข้อต่อออกได้
กลับสู่สารบัญอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ นวดแก้อาการสลายพังผืด คืออะไร
ข้อควรรู้ก่อนการนวดสลายพังผืด และ trigger point
ก่อนจะตัดสินใจรักษาอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ด้วยวิธีการนวดสลายพังผืด และ trigger point นั้น ผู้ป่วยควรพิจารณาสิ่งเหล่านี้ประกอบ
1. การนวดแก้อาการด้วยวิธีนี้ ถึงแม้ว่าจะสามารถรักษาให้อาการหายขาดได้ แต่อาจไม่ได้รักษาหายภายในครั้งเดียว
ในกรณีที่ผู้ป่วยเพิ่งเริ่มมีอาการปวดหลังร้าวลงขา การนวดสลาย trigger point และพังผืดด้วยผู้ที่ชำนาญ อาจจะสามารถทำให้ดีขึ้นได้เลยภายในครั้งเดียว แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังมาสักระยะหนึ่งแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาในการรักษา ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้อาการหายช้าหรือเร็วนั้นจะขึ้นอยู่กับ
- ความเชี่ยวชาญของผู้นวดแก้อาการ
ผู้รักษาที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษา เมื่อตรวจอาการแล้วจะรู้ทันทีว่า ต้นเหตุของอาการอยู่ที่ใด และต้องแก้ที่ตำแหน่งใด ซึ่งจะแตกต่างผู้รักษาที่ไม่มีความชำนาญโดยสิ้นเชิง เพราะผู้ที่ไม่มีความรู้ ความชำนาญ จะไม่สามารถแยกได้ว่ากล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาทที่มีความผิดปกตินั้นเป็นอย่างไร แล้วเชื่อมโยงไปที่จุดใดบ้าง ดังนั้นการรักษาโดยผู้ที่ชำนาญการ จะสามารถรักษาได้ครอบคลุม ครบถ้วน ให้ผลการรักษาที่รวดเร็ว แม่นยำ และตรงจุดกว่าการรักษาโดยผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญ
- ระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการสะสมมา
ในกรณีที่มีอาการปวดหลังร้าวลงขาเรื้อรัง หรือมีอาการเป็นๆ หายๆ มานาน ในเคสลักษณะนี้จะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานกว่าผู้ป่วยที่เพิ่งมีอาการ เนื่องจากในผู้ป่วยที่มีอาการมานานนั้น พังผืดจะหนาตัว และจะแทรกลุกลามไปในชั้นกล้ามเนื้อชั้นลึกๆ หรือลามไปบริเวณใกล้เคียง หรือลุกลามจนรบกวนเส้นประสาท จึงส่งผลให้เกิดเป็นอาการชา แสบร้อน แปล๊บคล้ายไฟช็อต เกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องรักษาหลายครั้งกว่าจะสลายพังผืดออกได้จนหมด
ในขณะที่ผู้ป่วยที่เพิ่งเริ่มมีอาการไม่นานนั้น จะมีพังผืด และ trigger point เพียงเล็กน้อย และจะมีอยู่เพียงกล้ามเนื้อชั้นบนๆ ไม่ได้ฝังลงลึก และไม่ได้ลุกลามไปบริเวณอื่นๆ ดังนั้น จึงใช้เวลารักษาน้อยกว่า ได้ผลที่ชัดเจนกว่า และหายไวกว่า
- สภาพกล้ามเนื้อของผู้ป่วย
ผู้ป่วยแต่ละท่านมีสภาพกล้ามเนื้อที่แตกต่างกัน ทั้งเรื่องของความสามารถในการคลายตัว หรือในเรื่องความหนืดแข็งของพังผืด ผู้ป่วยที่มีกล้ามเนื้อที่คลายตัวได้เร็ว หรือมีพังผืดนิ่มจะเห็นผลการรักษาที่ชัดเจน และไวกว่าผู้ป่วยที่กล้ามเนื้อที่คลายตัวช้า หรือมีพังผืดเหนียวหรือแข็ง
2. การนวดสลายแก้อาการสลายพังผืด และ trigger point มีความเจ็บ
เนื่องจากการนวดสลายพังผืด และ trigger point จะเน้นไปที่การรักษาอาการของผู้ป่วยให้ทุเลา ไม่ได้เน้นเรื่องความผ่อนคลาย ดังนั้น ขณะทำการรักษา ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งจะเจ็บมากหรือน้อยนั้นจะขึ้นอยู่กับวิธีการ หรือเทคนิคของการนวดแก้อาการในแต่ละแห่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่ต้องการรักษาด้วยวิธีการนวดสลายพังผืด และ trigger point นี้ จะต้องเป็นผู้ป่วยที่พอทนความเจ็บได้บ้าง หากเป็นผู้ที่ทนความเจ็บไม่ได้เลย อาจจะต้องเลือกการรักษาทางอื่นแทน
3. อาจเกิดการระบม หรือรอยฟกช้ำขึ้น หลังจากการนวด
การนวดแก้อาการสลายพังผืด และ trigger point นั้น อาจะทำให้เกิดความระบม หรือมีรอยฟกช้ำขึ้นหลังจากการรักษา โดยส่วนใหญ่แล้วอาการระบม และรอยฟกช้ำ จะกินระยะเวลาประมาณ 3-10 วัน โดยจะระบมมากน้อย หรือฟกช้ำ มากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการนวดรักษาของสถานที่นวดแก้อาการแต่ละแห่ง
4. ค่าใช้จ่ายในการนวดแก้อาการสลายพังผืด และ trigger point นั้นจะสูงกว่าการนวดทั่วไป
โดยปกติแล้ว ค่าใช้จ่ายในการนวดแก้อาการสลายพังผืด และ trigger pointจะสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการนวดทั่วไป เนื่องจากผู้ที่จะทำการนวดแก้อาการได้นั้น ไม่ใช่แค่ใครก็ได้ที่นวดแผนไทยเป็น แต่จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญด้านการสลายพังผืดในกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อ มากกกว่าหมอนวดแผนไทยอย่างมาก ซึ่งผู้ที่มีประสบการณ์ และมีความชำนาญในด้านนี้จริงๆ มีจำนวนค่อนข้างน้อย
กลับสู่สารบัญบทส่งท้าย
อาการปวดหลังร้าวลงขา ชาขา หรือภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือที่เรียกสั้นๆว่า อาการกระดูกทับเส้น เป็นอาการที่พบได้บ่อยซึ่งสาเหตุส่วนมากมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การนั่งทำงาน การยกของหนัก หรืออุบัติเหตุต่างๆ เช่น รถชน รถล้ม อุบัติเหตุจากการออกกำลังกาย เช่น ออกกำลังกายหนัก ออกกำลังกายผิดท่า เป็นต้น
อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทนี้ เป็นโรคเรื้อรังที่สามารถสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะอาการมักจะค่อยๆ ทรุดหนักลงในอนาคต ดังนั้นหากเริ่มมีอาการปวดหลัง จึงควรรีบรักษาให้หายขาดเสียแต่เนิ่นๆ เพราะจะรักษาหายได้ง่าย และรวดเร็ว สำหรับเคสของคุณศักดิ์ชัยนี้ เนื่องจากมีอาการเรื้อรังมานานก่อนการรักษาถึง 1 ปี การรักษาเพียง 1-2 ครั้ง จึงไม่อาจแก้อาการให้หายสนิทได้
แต่จากประวัติการรักษาจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก และเข้ามารักษาโดยทิ้งระยะเวลาห่างในแต่ละครั้งค่อนข้างนาน เนื่อจากการรักษาในแต่ละครั้งทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้นาน แต่ตราบใดที่อาการยังไม่หายสนิท เมื่อร่างกายโดนกระตุ้นจากการอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมนานๆ หรือการใช้ร่างกายผิดจังหวะ อาการปวดก็อาจจะกลับมาได้อีก แต่เมื่อมานวดแก้ออก อาการก็จะดีขึ้นอีก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ที่ยังรักษาไม่หายสนิทดี ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ผู้ป่วยรักษาจนหายสนิทแล้ว อาการก็จะไม่กลับอีกในอนาคต เว้นเสียแต่ว่าผู้ป่วยไปใช้ร่างกายหนักจนเกิดการบาดเจ็บขึ้นมาใหม่