อัพเดทการรักษาอาการปวดหลัง ในเด็ก ด้วยการนวดสลายพังผืด ตรงจุด ได้ผลดี

รักษาอาการปวดหลัง

ประวัติการเจ็บป่วย

น้องณัฏฐภร อายุ 10 ขวบ เป็นนักกีฬาแบตมินตัน เกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ทำให้มีอาการ

จากประวัติน้องณัฏฐภร ต้องฝึกซ้อมแบตมินตันทุกวันเพื่อลงแข่งขัน และน้องเริ่มมีอาการเจ็บหลังขึ้นมาจนเริ่มตีแบตไม่ได้ โดยมีอาการมาประมาณ 1 เดือน ผู้ปกครองได้พาน้องไปพบแพทย์แผนปัจจุบัน และได้ทำการ x-ray แพทย์แจ้งว่าน้องเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะช่วงข้อ L5 ที่ค่อนข้างแคบลง จึงทำให้เกิดหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทได้ แพทย์ได้ส่งต่อให้น้องไปทำกายภาพบำบัด

  • น้องทำกายภาพบำบัดไป 10 ครั้ง ด้วยวิธีนวดกดจุด , อัลตร้าซาวน์ และกระตุ้นไฟฟ้า ซึ่งน้องรู้สึกว่าอาการดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถกลับไปตีแบดได้เหมือนเดิม

เพราะเมื่อน้องกลับไปตีแบต อาการก็กลับมาอีก ตีได้นิดหน่อยก็จะมีอาการเจ็บหลังขึ้นมาจนต้องหยุดพัก ทำให้น้องฝึกซ้อมตีแบตได้ไม่เต็มที่ จนกระทั่งมีผู้ป่วยที่เคยมารักษาที่ชนัชพันต์คลินิก และอาการดีขึ้น แนะนำให้พาน้องมารักษาที่นี่ แต่ก่อนมาได้แจ้งกับน้องไปแล้วว่า “ขณะนวดจะค่อนข้างเจ็บมากนะ ถ้าอยากหายหนูต้องอดทนนะ” ซึ่งน้องอยากกกลับไปตีแบตได้เหมือนเดิม อยากไปลงแข่งขันอีกครั้ง จึงยอมมารักษาที่ชนัชพันต์คลินิก

โดยหลังจากการรักษาน้องมีอาการเปลี่ยนแปลงดังนี้

  • มารักษาครั้งที่ 1 วันที่ 22 ตุลาคม 2564 : หลังจากรักษาครั้งแรก อาการดีขึ้นได้อย่างชัดเจน ไม่เจ็บหลังแล้ว ไม่มีอาการปวดลงขาแล้ว สามารถกลับไปตีแบตได้เต็มที่ แต่ยังเหลืออาการเจ็บนิดหน่อยขณะก้มตัวสุด (บ่งบอกว่าอาการยังไม่หายสนิทดี) และน้องได้เกิดอุบัติเหตุข้อเท้าพลิกขณะตีแบต ทำให้มีอาการเจ็บข้อเท้าไม่หายนานกว่า 10 วัน จึงตัดสินใจกลับมารักษากับทางคลินิกอีกครั้ง
  • มารักษาครั้งที่ 2 วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 : หลังจากการรักษา น้องไม่มีอาการปวดเลย สามารถกลับไปฝึกซ้อมตีแบตได้เต็มที่ดังเดิม
กลับสู่สารบัญ

ตำแหน่งที่พบปัญหา

อาการปวด/เจ็บหลังที่พบบ่อย คือ หลังยอก หรือกล้ามเนื้อหลังอักเสบ ผู้ป่วยส่วนมากจะมีอาการปวดหลังข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจจะปวดทั้ง 2 ข้างก็ได้ แต่หากมีอาการปวดร้าวลงขาร่วมด้วยนั้น จะไม่ใช่อาการกล้ามเนื้อหลังอักเสบธรรมดา หรือหลังยอกแล้ว แต่บ่งบอกว่าเริ่มมีการกดทับของเส้นประสาทที่เลี้ยงขา ผู้ป่วยจึงปวดร้าวลงขาร่วมด้วย

ซึ่งเราเรียกอาการนี้ว่ากระดูกทับเส้น เกิดได้จากหมอนรองกระดูกสันหลัง หรือตัวข้อกระดูกเองเคลื่อนออกไปจากแนวเดิมจนไปกดทับเส้นประสาท โดยทั้ง 2 อาการนี้ทางคลินิกสามารถรักษาได้เช่นเดียวกัน แต่ในอาการของน้องณัฏฐภรนั้น มีภาวะหมอนรองกระดูกเคลื่อนมากดทับเส้นประสาท จึงได้นวดรักษาตามบริเวณที่มีปัญหาดังนี้

  1. กล้ามเนื้อหลัง บริเวณข้อกระดูก
  • กล้ามเนื้อบริเวณหลังช่วงข้อกระดูก T12 , L1-L5 , S1 เป็นกล้ามเนื้อชิดแนวกระดูกสันหลัง ทำให้ไปดึงรั้งข้อกระดูก
  • Serratus posterior inferior เป็นกล้ามเนื้อบริเวณหลังล่าง บั้นเอว ทำให้มีอาการปวดหลังช่วงเอว

 

2. กล้ามเนื้อบริเวณก้น สะโพก

เป็นกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานขณะเดิน หรือวิ่ง จึงพบการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เนื่องจากน้องมีการวิ่งขณะซ้อมแบตมินตันอยู่ตลอด

  • Gluteus maximus เป็นกล้ามเนื้อบริเวณก้นชั้นนอก
  • Gluteus medius เป็นกล้ามเนื้อบริเวณก้นชั้นกลาง

 

3. กล้ามเนื้อก้นชั้นลึก

เป็นจุดทอดผ่านของเส้นประสาทที่เลี้ยงไปยังปลายขา จึงจำเป็นต้องคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้เส้นประสาท สามารถรับส่งกระแสประสาทได้ตามปกติ

  • กล้ามเนื้อ Piriformis เป็นกล้ามเนื้อก้นชั้นลึก เป็นจุดทอดผ่านของเส้นประสาท Sciatic ทำให้มีอาการปวดร้าวลงขา
  • Sacroiliac ligament บริเวณแนวก้นด้านใน

 

4. ต้นขา ข้อพับเข่า พบการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ จากการวิ่งเป็นเวลานาน

  • เส้นเอ็นพิเศษ Iliotibial หรือ ITB เป็นเส้นเอ็นที่เชื่อมจากสะโพกลงแนวขาด้านนอกจนถึงเข่าด้านนอก โดยจะถูกใช้งานขณะวิ่ง ทำให้พบการบาดเจ็บได้มากในนักวิ่ง หรือกีฬาที่ต้องวิ่งเยอะ
  • กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นบริเวณข้อเข่า
กลับสู่สารบัญ

ทำไมการนวดสลายพังผืด และ trigger point จึงมีประสิทธิภาพ

อาการปวดหลัง ที่มีอาการปวดร้าวลงขาร่วมด้วย มักเป็นอาการบ่งชี้ถึงภาวะเส้นประสาทบริเวณหลังที่ควบคุมขา ถูกกดทับ รบกวน และไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น

  • ปัญหาที่เกิดจากหมอนรองกระดูก เช่น หมอนรองกระดูกปลิ้น หมอนรองกระดูกเคลื่อน หรือ
  • ปัญหาที่ตัวกระดูกสันหลังเอง เช่น กระดูกสันหลังทรุด กระดูกสันหลังเสื่อม เป็นต้น โดยความรุนแรงก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

อาการปวดหลังร้าวลงขา หรือกระดูกทับเส้นนั้น พบได้ทั้งในผู้ที่ทำงานหนัก ยกของหนัก การนั่ง/ยืน ทำงานทั้งวัน นอกจากนี้ยังพบมากในนักกีฬา การออกกำลังกาย เช่น ออกกำลังกายหนัก ออกไม่ถูกท่า ยืดเหยียดกล้ามเนื้อไม่ดีพอ ดังนั้นจึงสามารถพบเห็นอาการนี้ในทุกช่วงวัย ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ โดนปัจจัยที่ส่งผลให้มีอาการเกิดขึ้นก็แตกต่างกันไป

ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้นั้น เกิดจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ พังผืด และ trigger point โดยพังผืดนั้น เกิดจากกระบวนการของร่างกายที่พยายามจะซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ ส่งผลให้เกิดเป็นพังผืดขึ้น และพังผืดนี้เองที่ไปยึดเกาะตามมัดกล้ามเนื้อ ข้อต่อ จนเกิดแรงดึงรั้งระหว่างใยมัดกล้ามเนื้อ และข้อต่อ ทำให้ข้อกระดูกเคลื่อน กลายเป็นภาวะกระดูกทับเส้น เกิดเป็นอาการปวดร้าวตามแนวเส้นประสาท และอาการชาขึ้น

ส่วน trigger point เป็นการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ จากการใช้งานมัดกล้ามเนื้อเดิมซ้ำไปซ้ำมา จนกล้ามเนื้อหดเกร็ง และไม่ยอมคลายตัว กลายเป็นก้อนปมขัดขวางการไหลเวียนเลือด ทำให้ของเสียคั่งค้างอยู่ภายในเซลล์กล้ามเนื้อ เกิดเป็นอาการปวดขึ้นมา

จากสาเหตุที่กล่าวมานี้ สามารถสรุปได้ว่าพังผืด และ trigger point เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีอาการปวด ชา ดังนั้น การนวดสลาย พังผืด และ trigger point จึงเป็นการรักษาที่ตรงจุด และสามารถทำให้อาหารดีขึ้นได้อย่างถาวร เพราะเมื่อพังผืด และ trigger point ถูกสลายออก กล้ามเนื้อก็จะคลายตัว เลือดก็จะไหลเวียนได้สะดวก ของเสียที่คั่งค้างอยู่ภายในเซลล์กล้ามเนื้อก็จะถูกกำจัดทิ้ง ทำให้อาการปวดหายไป รวมถึงเส้นเอ็น และข้อต่อ ก็จะกลับมามีความยืดหยุ่น อาการตึงรั้ง ติดขัด ก็จะหายไป

นอกจากนี้หมอนรองกระดูก หรือตัวกระดูกที่เคลื่อนออกมานั้น เมื่อสลายพังผืดที่เกาะดึงรั้งตัวหมอนรองกระดูก/กระดูกออก หมอนรองกระดูก/กระดูกที่อยู่ผิดตำแหน่ง ก็จะสามารถเคลื่อนที่กลับตำแหน่งเดิมได้ เนื่องจากไม่มีอะไรไปดึงรั้งอีกต่อไป เส้นประสาทที่เคยถูกกดทับก็จะกลับมาทำงานได้ตามปกติ อาการปวดร้าวลงขา อาการชา แปล๊บ หรือแสบร้อน ก็จะหายไปเช่นกัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการนวดสลายพังผืด และ trigger point ถึงสามารถรักษาอาการหมอรองกระดูกทับเส้นประสาท หรืออาการปวด ชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ผลที่ยั่งยืน

กลับสู่สารบัญ

ทำไมอาการปวดหลังในเด็ก ถึงต้องรีบรักษาให้หายขาดตั้งแต่ตอนนี้

อาการบาดเจ็บในวัยเด็ก จะมีข้อสำคัญที่ต้องพึงระวังอย่างหนึ่ง คือเนื่องจากร่างกายในวัยเด็กนั้นกล้ามเนื้อ ข้อกระดูก รวมถึงเนื้อเยื่อต่างๆ นั้น ค่อนข้างมีความแข็งแรง และสามารถรองรับอาการบาดเจ็บได้ค่อนข้างมาก ทำให้เมื่อเกิดการบาดเจ็บขึ้นมา อาการมักจะหายไปได้เองโดยไม่ได้ทำการรักษา (จริงๆ คือแค่หายปวด แต่พังผืดจากการบาดเจ็บยังคงอยู่) ส่งผลให้เด็กมีการสะสมการบาดเจ็บขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งมื่อเด็กเติบโตถึงจุดหนึ่ง ร่างกายจะเริ่มแสดงอาการผิดปกติออกมา เช่น

  • เริ่มเห็นว่าหลังเอียง หรือไหล่เอียง
  • เริ่มสังเกตุว่ากระดูกสันหลังคด
  • มีอาการปวดหลังที่รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย
  • มีภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทก่อนวัยอันควร
  • เดินผิดปกติ เดินโยก สะโพกไม่เท่ากัน
  • มีภาวะสะโพกเสื่อมก่อนวัยอันควร

อาการเหล่านี้ มักจะเริ่มปรากฏเมื่อเด็กเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นไปจนถึงวัยเรียนมหาลัย และจะเริ่มหนักขึ้นจนเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตด็กบางคนเรียนจบไปแต่ไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากมีอาการปวดอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะด้วยการทานยา ทานอาหารเสริม กายภาพบำบัด ฝังเข็ม หรือจัดกระดูก แต่ก็ไม่ได้ผลการรักษาที่ดีเท่าที่ควร สร้างความทุกข์ทรมานในการใช้ชีวิตประจำวันให้แก่เด็ก และผู้เป็นพ่อแม่เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ยังมีเด็กบางกลุ่ม ที่ต้องหยุดเล่นกีฬาที่ตนเองรัก โดยที่ไม่สามารถกลับไปเล่นได้อีกเลย ไม่สามารถลงแข่งได้ ไม่สามารถฝึกซ้อมได้ เนื่องจากทุกครั้งที่เล่น จะเกิดอาการปวดจนไม่สามารถเล่นต่อได้ และรักษาทางใดก็ไม่หาย ทำให้ความฝันของเด็กที่จะเป็นนักกีฬาต้องหยุดลงอย่างถาวร

เพราะฉะนั้นการรักษาปวดหลังในเด็กให้หายขาดตั้งแต่แรก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่เด็กจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ได้เดินตามความฝันที่เขาต้องการ และเพื่อให้เด็กได้มีร่างกายที่แข็งแรง และไม่มีปัญหาใดๆ สะสมต่อไปในอนาคต

กลับสู่สารบัญ

ข้อควรรู้ก่อนการนวดสลายพังผืด และ trigger point

การนวดสลายพังผืด และ trigger point เป็นการรักษาอาการปวดหลัง ปวดขา กระดูกทับเส้น ได้อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพ และให้ผลที่ยั่งยืน แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้าใจถึงข้อดี และข้อเสียก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อผลประโยชน์สูงสุดต่อตัวของผู้ป่วยเอง ผู้ป่วยสามารถอ่านรายละเอียดการรักษาเพิ่มเติมได้ที่นี่ การรักษา ด้วยวิธีนวดแก้อาการสลายพังผืด และ trigger point

สำหรับพ่อแม่ที่อยากพาน้องๆ มารักษาที่ชนัชพันต์คลินิก ขั้นตอนแรกอาจจะต้องคุยกับน้องก่อนว่า การรักษาของทางคลินิกจะมีความเจ็บเกิดขึ้น ซึ่งน้องอาจจะต้องพยายามทนให้ได้ ทางคลินิกแนะนำให้น้องดูคลิปในสิ่งที่น้องชอบในมือถือขณะทำการรักษา น้องสามารถร้องได้ถ้ารู้สึกเจ็บ หรือสามารถบอกให้คุณหมอหยุดพักได้ แต่ต้องไม่ดิ้น เนื่องจากจะทำให้ยากต่อการรักษา

โดยปกติน้องๆ ที่มารักษาที่คลินิก ส่วนมากจะเต็มใจที่จะมารักษาเองเพราะอยากหายจากอาการปวด อยากกลับไปเล่นกีฬาได้ อยากไปวิ่งเล่นกับเพื่อนได้เหมือนเดิม น้องจึงพยายามก้าวข้ามความเจ็บ และอดทนมารักษาจนหายในที่สุด

อย่างไรก็ตามในการรักษาแต่ละครั้งคุณหมอจะประเมินตามอาการ และรักษาเท่าที่น้องไหว ซึ่งแต่ละคนก็จะมีระดับที่แตกต่างกันไป น้องบางคนทนได้มาก น้องบางคนทนได้น้อย แต่เนื่องด้วยร่างกายในวัยเด็กเป็นวัยที่สามารถฟื้นตัวได้ดี ดังนั้นถึงแม้ว่าจะรักษาได้ไม่เต็มที่เท่าผู้ใหญ่ ก็ยังเห็นผลการรักษาที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจนในแต่ละครั้ง

กลับสู่สารบัญ

บทส่งท้าย

อาการปวดหลังในเด็ก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ และผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยกว่าในช่วงวัยอื่นๆ เพราะเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ ซึ่งสามารถนำไปสู่การล้ม กระแทก ปะทะ ได้ตลอด และในทุกครั้งที่มีการบาดเจ็บไม่ว่าจะเป็นในบริเวณกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือข้อต่อต่างๆ ร่างกายของเด็กก็จะสร้างพังผืดขึ้นมายึดเกาะตามตำแหน่งที่เกิดการบาดเจ็บนั้นๆ

หากปล่อยทิ้งไว้ และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี จะกลายเป็นปัญหาที่ลุกลามไปในอนาคต เช่น มีการเดินผิดปกติ เดินโยก มีอาการหลังเอียง เป็นต้น ซึ่งตัวเด็กนั้นจะยังไม่เข้าใจถึงอาการที่ตนเองเป็นอยู่ ดังนั้นผู้เป็นพ่อแม่ควรใส่ใจ และหมั่นคอยสังเหตอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็ก โดยอาการหลักๆ ที่สังเกตุได้ คือ เด็กอาจเกิดอาการปวด/เจ็บที่ไม่หายไปเองภายใน 1–3 วัน หากมีอาการเช่นนี้แนะนำให้พ่อแม่รีบหาทางรักษา เพราะในช่วงวัยเด็กนั้น ร่างกายจะค่อนข้างแข็งแรง และฟื้นตัวได้ดี หากได้รับการรักษาที่ตรงจุด รักษาเพียงไม่กี่ครั้ง อาการก็จะหายสนิทแล้ว